07 กรกฎาคม 2552

9 เรื่องดีๆ ++ ผ่านครึ่งปี

ความหวังเกิดได้ทั้งจากจุดมุ่งหมายสิ่งที่เราอยากให้เป็นในอนาคต และจากการรู้จักหามุมมองด้านบวกในสิ่งที่ติดลบกับปัจจุบัน เพื่อประโลม เพิ่มพูนพลังใจนี่คือ 9 เรื่องดีๆ ในครึ่งปี ที่ติดลบ ขอชวนคุณมองมุมใหม่ ด้วยทัศนคติบวก แล้วคุณจะพบความหวัง กำลังใจในชีวิต


1.จ่ายน้อย…ได้มาก ด้วยเช็คสองพันบาท
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินชีวิต และกระตุ้นการหมุนเวียนเม็ดเงินของธุรกิจในประเทศ รัฐบาลได้ออกนโยบายแจกจ่ายเงินในรูปแบบเช็คช่วยชาติ มูลค่าสองพันบาท ในเดือนเมษายน สิ่งที่ดียิ่งกว่านั้นคือ การเพิ่มค่าเงินให้มีจำนวนมากกว่าตัวเลขที่ระบุ งานนี้นอกจากเช็คแล้ว ดูเหมือนทุกๆ คนก็ต่างช่วยกันเองในแบบ Win Win คือภาคธุรกิจก็ได้เม็ดเงินเพิ่มขึ้น ประชาชนก็สามารถจับจ่ายใช้สอยได้คุ้มค่า

2.ท่องเที่ยว…หรูหราในราคาเบาๆ
ก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่ระดับผู้จัดการที่มีเงินเดือนสูง หรือใช้เงินล่วงหน้าในเครดิตการ์ด โอกาสจะยกครอบครัวไปเที่ยวในสถานที่สวยงาม โรงแรม รีสอร์ต ระดับมากดาว ที่โอนเอียงความสมบูรณ์แบบเพื่อกลุ่มนักเที่ยวชาวต่างชาติ ก็คงจะมีโอกาสน้อยนิด แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วในวันนี้ เพราะการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนนโยบายมาให้ความสำคัญกับลูกค้าภายในประเทศ จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกตกต่ำ และการเมืองภายในที่วุ่นวาย คุณสามารถเสพสุขความหรูหราในราคาเบาๆ ด้วยบริการที่ให้เกียรติคนในประเทศมากขึ้น และซื้อแพ็คเกจทัวร์โปรโมชั่นเริดๆ แบบชนิดไม่ค่อยพบเห็นได้ในทุกจังหวัดท่องเที่ยวติดอันดับ ทั้งดีลตรงกับโรงแรม รีสอร์ต หรือผ่านบริษัทนำเที่ยว

3.ชาร์ตฟรี อาบฟรี
เวลามี เงินหายสักสามสี่พัน มันก็แค่เรื่องเล็ก แต่ในเวลาจน สตางค์ในกระเป๋าขาดไปแค่เฟื้องสลึงกลับทำให้ชีวิตลำบากได้สุดขั้วทีเดียว เรื่องนี้สะท้อนได้ดีกับการต้องมีรายจ่ายประจำในเวลาข้าวยากหมากแพง อย่าง ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า โชคดีที่ของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลจัดให้ยังมีอยู่ นั่นคือ การแจกจ่ายสาธารณูปโภคน้ำประปา ไฟฟ้า โดยไม่คิดค่าบริการสำหรับผู้ไม่มีรายได้ เราจึงไม่ถึงกับอัตคัดขัดสนหนักเท่าที่ควรจะต้องเป็น นี่คืออีกสิ่งดีๆ ที่เงินภาษีอากรได้กลับมาตอบแทนในวันอันแร้นแค้น ทำให้การเป็นอยู่ หลับนอน สะดวกสบายกว่าประชากรในหลายประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังพัฒนา และนี่คือ สายรุ้งในสายฝนที่หล่อเลี้ยงชีวิตของใครหลายๆ คน

4.ของดีของไทยที่กลับมา
ยิ่งวิทยาศาสตร์เจริญมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าธรรมชาติยิ่งทรงคุณค่ามากกว่านั้น ความรู้ในทุกวันนี้จึงกลายเป็นการถอดรหัสธรรมชาติ และภูมิปัญญาพื้นบ้านจากตำรับสมุนไพร และยาโบราณที่เห็นได้ชัดคือ เครื่องสำอางในวงการความงาม ที่พยายามวิจัยคิดค้นสูตรบำรุงจากพืชพันธุ์มากชนิด การใช้สเต็มเซลล์ในไม้ดึกดำบรรพ์ฟื้นฟูความอ่อนเยาว์และสุขภาพ รวมทั้งกระแสยาจากตำราพระไตรปิฎก นั่นหมายความว่าเราเริ่มเรียนรู้ และตระหนักในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและที่สำคัญกว่านั้น คือการแพทย์มีทางเลือกมากขึ้นหลายทาง ให้ทั้งประสิทธิภาพและราคาย่อมเยา แพทย์สมัยใหม่บางท่าน สามารถหายจากมะเร็งขั้นสุดท้ายได้ด้วยระบบชีวจิต และบางท่านหายจากการดื่มน้ำเปล่าตามสูตรควบคู่ไปกับการกินผักสมุนไพรในประเทศ และนี่ก็คืออีกหนึ่งความหวังในการเยียวยาสุขภาพของคุณด้วย


5.หันหน้าเข้าหา นำธรรมะมาเป็นที่พึ่ง
ไม่มีอะไรที่จะสอนและขัดเกลาคนเราได้ดีไปกว่าความทุกข์ และสิ่งที่ประโลมใจคือธรรมะ สกู๊ปข่าวจากโทรทัศน์หลายช่อง นำเสนอประเด็นของกลุ่มคนตกงานที่หันหน้าเข้าวัด ศึกษาธรรมะ นั่งสมาธิวิปัสสนา หนึ่งในตัวแทนของคนเหล่านั้นรู้สึกว่าการเข้าหาธรรมะ และใช้หลักความคิดของพระพุทธเจ้า ทำให้เธอหาความสุขได้ง่ายขึ้นกว่าสมัยที่มีเงินเดือนสูง บ้าน และรถเงินผ่อน เริ่มเข้าใจว่าความสุขของชีวิตก็คือการไม่ประมาท และอยู่กับความทุกข์ได้ในแบบไม่ทุกข์มาก แนวคิดดังกล่าวยังสร้างกระแสตื่นตัวให้กับเยาวชน และผู้ปกครองที่เล็งเห็นถึงการฝึกปฏิบัติธรรม ส่งผลต่อเนื่องไปถึงวงการศึกษา หลายสถาบันใช้หลักวิธีคิดวิธีสอนแบบผนวกธรรมะมากขึ้น รวมทั้งมีการจัดตั้งโรงเรียนแนวใหม่ที่ใช้หลักปริยัติต่างๆ มาเป็นแนวทางสร้างสรรค์หลักสูตร นับเป็นอีกความน่าชื่นใจ เพราะโลกและประเทศในทุกวันนี้ ที่วุ่นวาย ล้วนเกิดจากระดับคุณธรรมตกต่ำ ดังนั้นในอนาคตเราน่าจะมีสภาพสังคมที่สงบสุขมากขึ้น รวมทั้งอาจมีผู้นำประเทศใจซื่อมือสะอาด


6.ขนส่งสาธารณะแบบไม่คิดตังค์
ประชาชนยังได้ประโยชน์ในหลายๆ เรื่องในด้านการคมนาคมของภาครัฐบาล ถึงแม้หลายเสียงจะออกมาแสดงความคิดเห็นว่าในตอนแรกๆ ว่ามีน้อยเกินไป ทำแค่เพื่อสร้างภาพหรือเปล่า แต่ก็ยังมีการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ ที่บริการรถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน และระบบการรถไฟที่ให้บริการรถไฟฟรีจากจังหวัดหนึ่งข้ามไปยังอีกจังหวัดหนึ่งซึ่งแม้จะมีเพียงไม่กี่จังหวัด ไม่กี่เส้นทาง แต่หากว่าใครเคยใช้บริการแล้ว ก็ถือว่าคุ้มค่า ดีกว่าไม่มีฟรี! เอาซะเลย

7.แข็งแรงแบบยั่งยืน
กำกวมกันมานานกับพระราชดำริ เศรษฐกิจแบบพอเพียง แต่ในตอนนี้หลายคนเริ่มรู้จักจากการสูญเสียสิ่งที่เกินจำเป็น ทั้งบ้านหลังที่สาม รถยนต์คันที่สี่ หรือความสุขยามค่ำคืน จากสภาพจำยอมกลายเป็นการยอมรับ และค้นพบปรัชญาชีวิตที่ว่า ความสุขพึ่งตนเองแบบพอเพียงก็คือการใช้ชีวิตให้สมดุลกับความจำเป็น ความพึงพอใจ และสภาพการณ์รอบข้าง ดังนั้นในวิกฤตการณ์นี้ หลายครอบครัวจึงเริ่มให้คุณค่ากับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเลย โดยเฉพาะในด้านการดูแลจิตใจของตนเองและคนรอบข้าง คงไม่เกินไป ถ้าจะบอกว่า เมื่อสิ่งฟุ่มเฟือยถูกตัดลง การอยู่อย่างจำเป็นในแบบสมถะกำลังยกระดับสังคมในอนาคต

8.ความหวังแห่งศูนย์รวมใจเรารักในหลวง
ไม่ว่ากระแสการใส่เสื้อสีจะสร้างปรากฏการณ์อะไร แต่คงไม่มีเสื้อไหนที่ทรงคุณค่าเท่าเสื้อทุกสีที่สกรีนคำว่าเรารักในหลวง และเรารักประเทศไทย ท่ามกลางความแปลกแยกทางความคิด หลายคนที่อยู่คนละขั้วเริ่มถอยออกมาจากจุดเดิม และมองภาพรวมของประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระประมุขศูนย์รวมใจประชาชน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ การสนับสนุนของกลุ่มคนในชุมชนพันทิพ ที่ขึ้นกระทู้แนะนำ และชักชวนกันสวมเสื้อเรารักในหลวง และประเทศไทย กระแสดังกล่าวกลับมาฮอตอีกครั้ง ด้วยความภาคภูมิใจ จากการได้เห็นชาวต่างชาติในหลายประเทศ ยังชื่นชมและสวมใส่เสื้อตราสัญลักษณ์ ตัวอย่างเช่น ในซีรี่ส์เรื่อง Hero Sp ทาคุยะ นักแสดงนำ ใส่เสื้อเรารักประเทศไทย
นักร้องเกาหลีวง2 PM ใส่ Wristband เรารักในหลวงขึ้นเวทีคอนเสิร์ตในประเทศของตัวเองกันทั้งวง ในซีรี่ส์ฮิต Shibatora นักแสดงใส่เสื้อเรารักในหลวงเข้ากล้องถ่ายทำ หนึ่งในนั้นยังรวมนักร้องนักแสดงขวัญใจญี่ปุ่น นาโอฮิโตะ ฟูจิกิ ด้วย


9.อิสระสุขในความฝันเก่า
การศึกษาบ่อยครั้งก็ทำให้เราต้องมีชีวิตและประกอบอาชีพตามระบบ ลืมงานแห่งความฝัน เพราะการขาดความรู้และประสบการณ์ ทำให้ไม่กล้าเริ่มต้น และแม้ในขณะที่รายได้ และตำแหน่งมั่นคง ใครหลายคนก็ขาดความกระตือรือร้น หรือกลัวที่จะเสี่ยงออกมาทำในสิ่งที่ใจเรียกร้อง ทั้งๆ ที่กำลังเป็นทุกข์กับสิ่งที่หาเลี้ยงชีพ ความจริงก็คือในโลกนี้ไม่มีอาชีพไหนที่มั่นคงร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในคนทำงานที่ไม่มีความสุขและพรสวรรค์ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาของการลดพนักงาน พวกเขาจึงได้รับจดหมายเลิกจ้าง พร้อมเงินชดเชยสำหรับตั้งต้นชีวิตใหม่ ในขณะที่กำลังกังวลใจกับอนาคต มีไม่น้อยที่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง เริ่มเรียนรู้ และสร้างอาชีพใหม่จากความฝันเก่าที่ลืมเลือน พร้อมกันนั้นพวกเขาก็พบว่า นี่คือสิ่งที่เป็นทั้งคุณค่า ความมั่นคง และความสุข ที่ได้รับการเติมเต็ม ทั้งหมดน่าจะสรุปได้ตรงกับคำว่า โอกาสในวิกฤติ


ขอบคุณข้อมูลจาก : women plus