สำหรับคนวัยทำงาน เมื่อกล่าวถึงปัจจัยที่ 5 ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตแล้ว เชื่อว่ากล่าวร้อยละ 70-80 ต้องนึกถึงสิ่งที่เรียกว่า "ยานพาหนะ" (เด็กรุ่นใหม่บางคนสมัยนี้บอกว่า โทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยที่ 5 คอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยที่ 6 และ อินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยที่ 7 ต่างหาก) และก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ในชีวิตของคนๆ หนึ่ง นอกจากบ้าน-ที่อยู่อาศัยแล้วสิ่งที่เรียกว่า "ยานพาหนะ" นั้นถือเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาค่างวดสูงติดอันดับต้นๆ โดยคนส่วนใหญ่จำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบ ใช้เวลาเป็นปีๆ เพื่อเก็บเงินหรือผ่อนส่งรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ เมื่อ "รถยนต์-รถจักรยานยนต์" กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งยังเป็นสังหาริมทรัพย์ที่สามารถเคลื่อนที่ไปยังแห่งและหนต่างๆ ได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ "สังหาริมทรัพย์" ประเภทนี้จึงตกเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย
ทุกวันนี้ การโจรกรรมรถยนต์ดูจะเป็นปัญหาอาชญากรรมสำคัญอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ยี่ห้อรถที่มีสถิติสูญหายมากที่สุด ในหมวดของรถยนต์ ได้แก่ "ฮอนด้า แจ๊ซ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า ซิตี้" ส่วนรถกระบะ ได้แก่ "โตโยต้า วีโก้" ขณะที่รถจักรยานยนต์ได้แก่ "ฮอนด้า เวฟ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า คลิก" และพื้นที่ที่มีรถหายมากที่สุดก็คือกรุงเทพมหานคร โดยเขตที่มีสถิติรถหายมากที่สุด ได้แก่ เขตบางกะปิ รองลงมาคือ ดินแดง ตามด้วย จตุจักร วังทองหลาง และคลองเตย ตามลำดับ
โดยสถานที่จอดประจำที่มีอัตราเสี่ยงรถหาย
อันดับ 1 ได้แก่ ที่จอดรถริมถนนและหน้าบ้านพักอาศัย
อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถของอาคารที่พักอาศัย ประเภท หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโด และแมนชั่น
อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของการเคหะฯ
และแม้สถานที่จอดรถชั่วคราวจะมีอัตราการโจรกรรมรถน้อยกว่านั้นก็ไม่ควรประมาท โดยจากสถิติพบว่า สถานที่จอดรถชั่วคราวที่ว่าจัดเป็นพื้นที่เสี่ยง
อันดับ 1 ได้แก่ ลานจอดรถของตลาดสด
อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถห้างสรรพสินค้า
อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของสถานบันเทิง และร้านอาหาร
อันดับ 4 ได้แก่ ลานจอดรถของศาสนสถาน เช่น วัด ศาลหลักเมือง
อันดับ 5 ได้แก่ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือปั้มน้ำมัน
อันดับ 6 ได้แก่ สถานที่พักผ่อน ท่องเที่ยว สวนหย่อม และสวนสาธารณะ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีสถานที่เสี่ยงซึ่งคนส่วนใหญ่คิดไม่ถึงว่าคนร้ายจะกล้าลงมือโจรกรรมรถยนต์ไป ได้แก่ ศูนย์บริการ อู่ซ่อมรถยนต์ สถาบันการศึกษา สมาคม บริเวณริมถนนซึ่งผู้ขับขี่จอดรถนอนหลับพักสายตา หรือแม้กระทั่งลานจอดรถใต้ทางด่วนฯ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ รวมถึงโรงแรม
15 วิธีโจรกรรมยอดฮิต
สำหรับวิธีการที่คนร้ายใช้ในการโจรกรรมรถนั้น หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ระบุว่าจากการรวบรวมข้อมูลพบว่าปัจจุบันคนร้ายมีวิธีการที่หลากหลายถึงประมาณ 70 วิธีเลยทีเดียว โดย 15 วิธีการโจรกรรมยอดนิยม ได้แก่
1.งัดหูช้าง คนร้ายจะใช้เครื่องมืองัดหูช้างออก แล้วเอามือล้วงเข้าไปเปิดสลักหรือค้นล็อกประตู เปิดประตูรถเข้าไป แล้วใช้ไขควงงัดกระปุกกุญแจสตาร์ทออก ต่อไฟตรง เพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
2.ใช้กุญแจปลอม คนร้ายจะทำกุญแจเลียนแบบกุญแจของรถชนิดที่ต้องการลักไว้หลายๆ ขนาด (รอยหยัก) แล้วเลือกลองใช้ทุกดอกที่ทำไว้ ถ้าเปิดประตูรถได้ คนร้ายก็จะเปิดประตูแล้วติดเครื่องยนต์ขับหลบหนีไป
3.ลอกแบบกุญแจ คนร้ายจะใช้วิธีสร้างความสนิทสนมกับเด็กบริการล้างอัดฉีดรถตามสถานบริการจำหน่ายน้ำมัน แล้วว่าจ้างให้เอาดินน้ำมันพิมพ์แบบกุญแจรถของจริงตามที่มีผู้สั่งซื้อไว้ โดยมีค่าจ้างในการจัดทำ คันละ 200-250 บาท โดยเด็กบริการล้างอัดฉีดจะเก็บแบบพิมพ์กุญแจดินน้ำมัน พร้อมจดหมายเลขทะเบียนรถคันนั้นไว้ให้ด้วย ต่อจากนั้นคนร้ายจะไปว่าจ้างร้านทำกุญแจทั่วไปทำกุญแจปลอมตามแบบพิมพ์ในราคาดอกละ 10-20 บาท เมื่อได้กุญแจแล้วก็จะออกตระเวนติดตามรถคันดังกล่าวเพื่อโจรกรรม
4.สร้างกุญแจ คนร้ายจะทำกุญแจในแบบและรูปทรงต่างๆ โดยไม่มีรอยหยัก ของรถตามชนิดที่ต้องการ (ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ) แล้วเอาน้ำหมึกอินเดียอิงค์สีดำทาไว้ปล่อยให้แห้งสนิท เมื่อพบรถที่ต้องการคนร้ายจะเอากุญแจแบบรูปทรงที่ทำไว้สอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถแล้วบิดหมุน เพื่อให้เกิดร่องรอยที่น้ำหมึกอินเดียอิงค์ ดึงเอากุญแจออก นำไปเซาะร่องตามรอยที่ปรากฏอยู่ เมื่อวัดทำกุญแจเรียบร้อยแล้วคนร้ายก็จะออกติดตามรถคันนั้น เมื่อสบโอกาสก็จะทำการโจรกรรมทันที
5.ใช้ลวดเกี่ยวปุ่มล็อกประตูรถ รถบางชนิดที่ไม่มีหูช้าง คนร้ายจะใช้วิธีดึงกระจกที่บานประตูให้เผยอเพียงเล็กน้อย และถ้าเจ้าของปิดกระจกไม่สนิทก็ยิ่งเป็นโอกาสให้เกิดความสะดวกแก่คนร้ายมากขึ้น ต่อจากนั้นคนร้ายจะใช้ลวดทำเป็นห่วงที่ปลาย สอดเข้าไปดึงปุ่มล็อกประตูออก เปิดประตูเข้าไปในรถ ต่อไฟฟ้าสายตรง สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
6.ใช้ไขควงฉาก คนร้ายจะทำไขควงชนิดหน้าแบน ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุต (รวมความยาวของด้าม) ที่ตอนปลายไขควง ตรงความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวไขควง ดัดงอเป็นมุมฉาก ใช้ปลายไขควงสอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ งัดอย่างแรง กระปุกกุญแจประตูจะแตกและหลุดออกมา สามารถเปิดประตูรถ เข้าไปต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
7.งัดฝาถังน้ำมัน มีรถหลายชนิดฝาถังน้ำมันอยู่ภายนอกและกุญแจเปิดฝาถังน้ำมัน กุญแจเปิดประตูรถ และกุญแจติดเครื่องยนต์ ใช้ดอกเดียวกัน คนร้ายจะใช้กุญแจเลื่อนขนาดใหญ่งัดเอาฝาน้ำมันไปทำกุญแจ โดยอาศัยร่องรอยจากรูกุญแจของฝาถังน้ำมัน เมื่อทำเสร็จแล้วจะได้ทั้งกุญแจสำหรับไขประตูรถ และติดเครื่องยนต์
8.ใช้น้ำกรด คนร้ายจะใช้น้ำกรดใส่ขวด และมีลูกยางหรือเข็มฉีดยาพร้อมหลอด ดูดน้ำกรดจากขวดน้ำไปหยอดหรือฉีดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ น้ำกรดจะเข้าไปทำลายช่องกุญแจ ทำให้สามารถเปิดประตูเข้าไปในรถได้ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
9.เปิดกระจกหลังรถ คนร้ายจะใช้ไขควงงัดยางขอบกระจกหลังรถออก แล้วเปิดกระจกออกด้วยแรงดึงซึ่งกระทำด้วยความชำนาญ คนร้ายหรือลูกมือที่ใช้วิธีการนี้ส่วนใหญ่จะเคยเป็นช่างถอดหรือใส่กระจกมาก่อน เมื่อถอดกระจกออกได้แล้วจะมุดตัวเข้าไปในรถ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ แล้วขับรถหลบหนีไป
10.ใช้เหล็กเขี่ยสลักล็อกประตู คนร้ายจะทำเหล็กเป็นลักษณะแบนหรือกลม หรือใช้ไขควงตัวเล็กๆ แหย่เข้าไปในรูใต้หูจับเปิดรถ แล้วเขี่ยสลักล็อกประตูรถ เปิดประตูเข้าไปในรถ ใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ ขับหลบหนีไป
11.ใช้กุญแจพิเศษ คนร้ายจะใช้เหล็กที่แข็งเป็นพิเศษทำเป็นหยักหรือร่องถี่ๆ มีขนาดความหนาเท่ากับกุญแจรถทั่วๆไป กุญแจพิเศษนี้มีความแข็งมากเป็นพิเศษ เมื่อใส่เข้าไปในรูกุญแจประตูรถแล้วบิดด้วยความแรง ความแข็งของกุญแจพิเศษจะงัดร่องในกุญแจประตูรถให้หักหรือไม่อยู่ในสภาพเดิม สามารถเปิดประตูเข้าไปในรถได้ ต่อไฟฟ้าสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
12.ใช้คีมบิดยวงกุญแจ คนร้ายจะใช้คีมคีบยวงกุญแจประตู อาศัยแรงบีบที่แน่นและมั่นคง บิดด้วยความแรงดึงเอายวงกุญแจประตูรถออกไป แล้วนำไปจ้างช่างทำกุญแจปลอม เพื่อโจรกรรมรถคันนี้ต่อไป
13.ใช้กลอุบายรับจ้างขับรถ คนร้ายจะใช้วิธีการง่ายๆ โดยไปรับจ้างเป็นคนขับรถตามสำนักงานจัดหางาน เมื่อได้รถแล้วก็จะขับรถให้นายจ้างประมาณ 6-7 วัน ได้โอกาสก็จะขับรถหลบหนีไป
14.จี้หรือชิงรถซึ่งหน้า คนร้ายประเภทนี้จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปฏิบัติการครั้งละ 2 คน (ขับขี่ 1 คน และซ้อนท้าย 1 คน) ติดตามสะกดรอยรถตามใบสั่ง เมื่อเจ้าของรถหรือเหยื่อขับรถคนเดียวไปจอดหรือผ่านไปในเส้นทางที่เปลี่ยวหรือลับตาคน คนร้ายก็จะใช้วิธีขับรถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวรถของเหยื่อ เมื่อเหยื่อซึ่งเป็นเจ้าของรถหยุดรถเพื่อตรวจสอบความเสียหาย คนร้ายจะใช้อาวุธปืนหรือมีดปลายแหลมจี้ให้ลงจากรถ และส่งกุญแจรถให้ คนร้ายก็จะขับขี่รถเอาไปซึ่งหน้า ทิ้งผู้เสียหายไว้ในที่ เกิดเหตุ
15.มอมยาคนขับรถยนต์รับจ้าง คนร้ายจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นแรก คนร้ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จำนวน 4 - 5 คน จะไปว่าจ้างรถยนต์ (ตามใบสั่งที่ต้องการ) เพื่อไปเที่ยวในต่างอำเภอหรือจังหวัด เสร็จงานก็จะจ่ายเงินให้คนขับตามปกติ ขั้นที่สอง เป็นห้วงระยะเวลา 4 - 5 วันจากขั้นแรก คนร้ายชุดเดิมจะว่าจ้างรถไปเที่ยวเหมือนเดิมแต่จะนัดหมายกับคนร้ายพวกเดียวกัน 1 - 2 คน ไปรอ ณ. จุดที่กำหนดเพื่อรอรับรถ ขณะที่คนร้ายซึ่งเป็นผู้หญิงจะพยายามหาโอกาสในช่วงที่คนขับรถรับประทานอาหารร่วมกันใส่ยานอนหลับหรือยาชนิดอื่นที่ทำให้มึนเมาหมดสติลงไปในเครื่องดื่มหรืออาหาร เพื่อมอมคนขับรถให้หมดสติ ต่อจากนั้นก็จะส่งคนขับรถไปนอนที่โรงแรมซึ่งได้จองไว้ล่วงหน้า แล้วนำกุญแจรถให้กับคนร้ายซึ่งรออยู่แล้วขับรถหลบหนีไป ซึ่งวิธีการนี้ค่อนข้างจะเป็นวิธีใหม่ในการโจรกรรมรถ
http://www.manager.co.th/
ด้วยเหตุนี้ เมื่อ "รถยนต์-รถจักรยานยนต์" กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งยังเป็นสังหาริมทรัพย์ที่สามารถเคลื่อนที่ไปยังแห่งและหนต่างๆ ได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ "สังหาริมทรัพย์" ประเภทนี้จึงตกเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย
ทุกวันนี้ การโจรกรรมรถยนต์ดูจะเป็นปัญหาอาชญากรรมสำคัญอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ยี่ห้อรถที่มีสถิติสูญหายมากที่สุด ในหมวดของรถยนต์ ได้แก่ "ฮอนด้า แจ๊ซ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า ซิตี้" ส่วนรถกระบะ ได้แก่ "โตโยต้า วีโก้" ขณะที่รถจักรยานยนต์ได้แก่ "ฮอนด้า เวฟ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า คลิก" และพื้นที่ที่มีรถหายมากที่สุดก็คือกรุงเทพมหานคร โดยเขตที่มีสถิติรถหายมากที่สุด ได้แก่ เขตบางกะปิ รองลงมาคือ ดินแดง ตามด้วย จตุจักร วังทองหลาง และคลองเตย ตามลำดับ
โดยสถานที่จอดประจำที่มีอัตราเสี่ยงรถหาย
อันดับ 1 ได้แก่ ที่จอดรถริมถนนและหน้าบ้านพักอาศัย
อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถของอาคารที่พักอาศัย ประเภท หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโด และแมนชั่น
อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของการเคหะฯ
และแม้สถานที่จอดรถชั่วคราวจะมีอัตราการโจรกรรมรถน้อยกว่านั้นก็ไม่ควรประมาท โดยจากสถิติพบว่า สถานที่จอดรถชั่วคราวที่ว่าจัดเป็นพื้นที่เสี่ยง
อันดับ 1 ได้แก่ ลานจอดรถของตลาดสด
อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถห้างสรรพสินค้า
อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของสถานบันเทิง และร้านอาหาร
อันดับ 4 ได้แก่ ลานจอดรถของศาสนสถาน เช่น วัด ศาลหลักเมือง
อันดับ 5 ได้แก่ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือปั้มน้ำมัน
อันดับ 6 ได้แก่ สถานที่พักผ่อน ท่องเที่ยว สวนหย่อม และสวนสาธารณะ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีสถานที่เสี่ยงซึ่งคนส่วนใหญ่คิดไม่ถึงว่าคนร้ายจะกล้าลงมือโจรกรรมรถยนต์ไป ได้แก่ ศูนย์บริการ อู่ซ่อมรถยนต์ สถาบันการศึกษา สมาคม บริเวณริมถนนซึ่งผู้ขับขี่จอดรถนอนหลับพักสายตา หรือแม้กระทั่งลานจอดรถใต้ทางด่วนฯ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ รวมถึงโรงแรม
15 วิธีโจรกรรมยอดฮิต
สำหรับวิธีการที่คนร้ายใช้ในการโจรกรรมรถนั้น หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ระบุว่าจากการรวบรวมข้อมูลพบว่าปัจจุบันคนร้ายมีวิธีการที่หลากหลายถึงประมาณ 70 วิธีเลยทีเดียว โดย 15 วิธีการโจรกรรมยอดนิยม ได้แก่
1.งัดหูช้าง คนร้ายจะใช้เครื่องมืองัดหูช้างออก แล้วเอามือล้วงเข้าไปเปิดสลักหรือค้นล็อกประตู เปิดประตูรถเข้าไป แล้วใช้ไขควงงัดกระปุกกุญแจสตาร์ทออก ต่อไฟตรง เพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
2.ใช้กุญแจปลอม คนร้ายจะทำกุญแจเลียนแบบกุญแจของรถชนิดที่ต้องการลักไว้หลายๆ ขนาด (รอยหยัก) แล้วเลือกลองใช้ทุกดอกที่ทำไว้ ถ้าเปิดประตูรถได้ คนร้ายก็จะเปิดประตูแล้วติดเครื่องยนต์ขับหลบหนีไป
3.ลอกแบบกุญแจ คนร้ายจะใช้วิธีสร้างความสนิทสนมกับเด็กบริการล้างอัดฉีดรถตามสถานบริการจำหน่ายน้ำมัน แล้วว่าจ้างให้เอาดินน้ำมันพิมพ์แบบกุญแจรถของจริงตามที่มีผู้สั่งซื้อไว้ โดยมีค่าจ้างในการจัดทำ คันละ 200-250 บาท โดยเด็กบริการล้างอัดฉีดจะเก็บแบบพิมพ์กุญแจดินน้ำมัน พร้อมจดหมายเลขทะเบียนรถคันนั้นไว้ให้ด้วย ต่อจากนั้นคนร้ายจะไปว่าจ้างร้านทำกุญแจทั่วไปทำกุญแจปลอมตามแบบพิมพ์ในราคาดอกละ 10-20 บาท เมื่อได้กุญแจแล้วก็จะออกตระเวนติดตามรถคันดังกล่าวเพื่อโจรกรรม
4.สร้างกุญแจ คนร้ายจะทำกุญแจในแบบและรูปทรงต่างๆ โดยไม่มีรอยหยัก ของรถตามชนิดที่ต้องการ (ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ) แล้วเอาน้ำหมึกอินเดียอิงค์สีดำทาไว้ปล่อยให้แห้งสนิท เมื่อพบรถที่ต้องการคนร้ายจะเอากุญแจแบบรูปทรงที่ทำไว้สอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถแล้วบิดหมุน เพื่อให้เกิดร่องรอยที่น้ำหมึกอินเดียอิงค์ ดึงเอากุญแจออก นำไปเซาะร่องตามรอยที่ปรากฏอยู่ เมื่อวัดทำกุญแจเรียบร้อยแล้วคนร้ายก็จะออกติดตามรถคันนั้น เมื่อสบโอกาสก็จะทำการโจรกรรมทันที
5.ใช้ลวดเกี่ยวปุ่มล็อกประตูรถ รถบางชนิดที่ไม่มีหูช้าง คนร้ายจะใช้วิธีดึงกระจกที่บานประตูให้เผยอเพียงเล็กน้อย และถ้าเจ้าของปิดกระจกไม่สนิทก็ยิ่งเป็นโอกาสให้เกิดความสะดวกแก่คนร้ายมากขึ้น ต่อจากนั้นคนร้ายจะใช้ลวดทำเป็นห่วงที่ปลาย สอดเข้าไปดึงปุ่มล็อกประตูออก เปิดประตูเข้าไปในรถ ต่อไฟฟ้าสายตรง สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
6.ใช้ไขควงฉาก คนร้ายจะทำไขควงชนิดหน้าแบน ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุต (รวมความยาวของด้าม) ที่ตอนปลายไขควง ตรงความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวไขควง ดัดงอเป็นมุมฉาก ใช้ปลายไขควงสอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ งัดอย่างแรง กระปุกกุญแจประตูจะแตกและหลุดออกมา สามารถเปิดประตูรถ เข้าไปต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
7.งัดฝาถังน้ำมัน มีรถหลายชนิดฝาถังน้ำมันอยู่ภายนอกและกุญแจเปิดฝาถังน้ำมัน กุญแจเปิดประตูรถ และกุญแจติดเครื่องยนต์ ใช้ดอกเดียวกัน คนร้ายจะใช้กุญแจเลื่อนขนาดใหญ่งัดเอาฝาน้ำมันไปทำกุญแจ โดยอาศัยร่องรอยจากรูกุญแจของฝาถังน้ำมัน เมื่อทำเสร็จแล้วจะได้ทั้งกุญแจสำหรับไขประตูรถ และติดเครื่องยนต์
8.ใช้น้ำกรด คนร้ายจะใช้น้ำกรดใส่ขวด และมีลูกยางหรือเข็มฉีดยาพร้อมหลอด ดูดน้ำกรดจากขวดน้ำไปหยอดหรือฉีดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ น้ำกรดจะเข้าไปทำลายช่องกุญแจ ทำให้สามารถเปิดประตูเข้าไปในรถได้ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
9.เปิดกระจกหลังรถ คนร้ายจะใช้ไขควงงัดยางขอบกระจกหลังรถออก แล้วเปิดกระจกออกด้วยแรงดึงซึ่งกระทำด้วยความชำนาญ คนร้ายหรือลูกมือที่ใช้วิธีการนี้ส่วนใหญ่จะเคยเป็นช่างถอดหรือใส่กระจกมาก่อน เมื่อถอดกระจกออกได้แล้วจะมุดตัวเข้าไปในรถ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ แล้วขับรถหลบหนีไป
10.ใช้เหล็กเขี่ยสลักล็อกประตู คนร้ายจะทำเหล็กเป็นลักษณะแบนหรือกลม หรือใช้ไขควงตัวเล็กๆ แหย่เข้าไปในรูใต้หูจับเปิดรถ แล้วเขี่ยสลักล็อกประตูรถ เปิดประตูเข้าไปในรถ ใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ ขับหลบหนีไป
11.ใช้กุญแจพิเศษ คนร้ายจะใช้เหล็กที่แข็งเป็นพิเศษทำเป็นหยักหรือร่องถี่ๆ มีขนาดความหนาเท่ากับกุญแจรถทั่วๆไป กุญแจพิเศษนี้มีความแข็งมากเป็นพิเศษ เมื่อใส่เข้าไปในรูกุญแจประตูรถแล้วบิดด้วยความแรง ความแข็งของกุญแจพิเศษจะงัดร่องในกุญแจประตูรถให้หักหรือไม่อยู่ในสภาพเดิม สามารถเปิดประตูเข้าไปในรถได้ ต่อไฟฟ้าสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
12.ใช้คีมบิดยวงกุญแจ คนร้ายจะใช้คีมคีบยวงกุญแจประตู อาศัยแรงบีบที่แน่นและมั่นคง บิดด้วยความแรงดึงเอายวงกุญแจประตูรถออกไป แล้วนำไปจ้างช่างทำกุญแจปลอม เพื่อโจรกรรมรถคันนี้ต่อไป
13.ใช้กลอุบายรับจ้างขับรถ คนร้ายจะใช้วิธีการง่ายๆ โดยไปรับจ้างเป็นคนขับรถตามสำนักงานจัดหางาน เมื่อได้รถแล้วก็จะขับรถให้นายจ้างประมาณ 6-7 วัน ได้โอกาสก็จะขับรถหลบหนีไป
14.จี้หรือชิงรถซึ่งหน้า คนร้ายประเภทนี้จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปฏิบัติการครั้งละ 2 คน (ขับขี่ 1 คน และซ้อนท้าย 1 คน) ติดตามสะกดรอยรถตามใบสั่ง เมื่อเจ้าของรถหรือเหยื่อขับรถคนเดียวไปจอดหรือผ่านไปในเส้นทางที่เปลี่ยวหรือลับตาคน คนร้ายก็จะใช้วิธีขับรถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวรถของเหยื่อ เมื่อเหยื่อซึ่งเป็นเจ้าของรถหยุดรถเพื่อตรวจสอบความเสียหาย คนร้ายจะใช้อาวุธปืนหรือมีดปลายแหลมจี้ให้ลงจากรถ และส่งกุญแจรถให้ คนร้ายก็จะขับขี่รถเอาไปซึ่งหน้า ทิ้งผู้เสียหายไว้ในที่ เกิดเหตุ
15.มอมยาคนขับรถยนต์รับจ้าง คนร้ายจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นแรก คนร้ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จำนวน 4 - 5 คน จะไปว่าจ้างรถยนต์ (ตามใบสั่งที่ต้องการ) เพื่อไปเที่ยวในต่างอำเภอหรือจังหวัด เสร็จงานก็จะจ่ายเงินให้คนขับตามปกติ ขั้นที่สอง เป็นห้วงระยะเวลา 4 - 5 วันจากขั้นแรก คนร้ายชุดเดิมจะว่าจ้างรถไปเที่ยวเหมือนเดิมแต่จะนัดหมายกับคนร้ายพวกเดียวกัน 1 - 2 คน ไปรอ ณ. จุดที่กำหนดเพื่อรอรับรถ ขณะที่คนร้ายซึ่งเป็นผู้หญิงจะพยายามหาโอกาสในช่วงที่คนขับรถรับประทานอาหารร่วมกันใส่ยานอนหลับหรือยาชนิดอื่นที่ทำให้มึนเมาหมดสติลงไปในเครื่องดื่มหรืออาหาร เพื่อมอมคนขับรถให้หมดสติ ต่อจากนั้นก็จะส่งคนขับรถไปนอนที่โรงแรมซึ่งได้จองไว้ล่วงหน้า แล้วนำกุญแจรถให้กับคนร้ายซึ่งรออยู่แล้วขับรถหลบหนีไป ซึ่งวิธีการนี้ค่อนข้างจะเป็นวิธีใหม่ในการโจรกรรมรถ
http://www.manager.co.th/