14 ธันวาคม 2552
คิดบวก รู้จักพอ
07 ธันวาคม 2552
สติ๊กเกอร์หลังรถสิบล้อ
- บินได้ ตูบินไปแล้ว
- อย่าดื่มเหล้าขณะขับรถ เพราะจะทำให้เหล้าหกเสียของ
- การขับรถทำให้ประสิทธิภาพในการดื่มสุราน้อยลง
- คำเตือน "ห้ามดื่มสุรา ขณะมึนเมา"
- เมาไม่ขับ จะกลับยังไง
- เมาเหล้าเสียหลัก เมารักเสียใจ
- เมาไม่ขับ เพราะกลับไม่ถูก
- ถนนคือการศึกษา ใบสั่งคือปริญญา
- รถติดคือมรดกไทย อนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลาน
- เศษแก้วมันบาดคน คำพูดของเศษคนมันบาดใจ
- ถึงจะขับ 10 ล้อ แต่ก็ได้หมอเป็นเมีย
- เหงื่อทุกหยด เพื่ออนาคตน้องเมีย
- จำกัดความเร็ว 180 กม./ 3 ชั่วโมง
- จ่ายเฉพาะด่านรู้ใจ
- อยู่บ้านเมียด่า ออกมาจ่าจับ
- ถ้ารีบ ทำไมไม่ไปตั้งแต่เมื่อวาน
- เห็นตูเป็นลาว จับเช้า จับเย็น
- ห้ามยกเล่น
- กินลูกเดียว เที่ยวสองลูก
- ใช้หนีราชการเท่านั้น
- รถจะขับ...โทรศัพท์ก็จะคุย..ถุยย
- ใช้ในราชการ (ก็) เท่านั้น
- อย่าโบกเลยจ่า พกมาแค่สองร้อย
- ขออภัย รถคันนี้ไม่มีเบรค
- คันเร่งอยู่ไหนวะ!!!
- หัวล้านห้ามแซง
- อดีตเคยแรง
- ขับเร็วชิดซ้าย ขับไวชิดขวา
- ทุกอย่างดังหมด ยกเว้นเครื่องเสียง
- อุบัติเหตุป้องกันได้ ถ้าให้เธอนั่งข้าง
- เหยียบเบรกคิดถึงเมีย เข้าเกียคิดถึงเธอ
- แอบแซง เพราะแรงน้อย
- โกรธอ๊ะป่าววว ถูกรถเก่าแซง
- วันนี้ไม่แรง ให้แซงไปก่อน
- มือใหม่หลบไป มือเก่าจะแซง
- หมาเห่ายังบุบ
- ไม่มีท่านเราอด ไม่มีรถท่านเดิน
- นางฟ้าอยู่ในรถ แม่มดอยู่ที่บ้าน
" ยาบ้ามันขม ดูดนมดีกว่า "
" ตากแดดตากลม เพราะ( . )( . )สองเต้า "
" เห็นงานเป็นลม เห็นนมสู้ตาย "
ข้อคิดท่าน ว.วชิรเมธี รายการวู้ดดี้
เชื่อว่า เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 ต.ค.) หลาย ๆ คน ที่ได้รับชมรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย คงได้ความประทับใจ และอิ่มเอมใจจากคำตอบ คำสอน แนวคิดคม ๆ ของท่าน ว.วชิรเมธี แน่นอน เพราะหลาย ๆ คำพูดของท่านเรียบง่าย สั้น ๆ ได้ใจความ คมกริบ บาดลึก กินเข้าไปในจิตใจหลาย ๆ คน และเชื่อว่าหลาย ๆ คน คงอยากได้สดับรับฟังคำสอนอันคมคายเหล่านั้นอีกครั้ง วันนี้กระปุกดอทคอมเลยไม่พลาดที่จะรวบรวมหนึ่งในหลายร้อยคำสอนดี ๆ ของท่าน ว.วชิรเมธี ที่ท่านได้กล่าวในรายการ มาให้ได้อ่านกันค่ะ
เริ่มต้นด้วยคำถามแรก ซึ่งก็คมกริบตามสไตล์วู้ดดี้เกิดมา (เพื่อ) คุยจริง ๆ กับคำถามที่ว่า มีหลายคนบอกว่า วู้ดดี้ไม่เหมาะกับการสัมภาษณ์พระภิกษุ ซึ่งท่าน ว.วชิรเมธี ก็ตอบกลับไปได้อย่างคมคายว่า เอาอะไรมาวัดว่าไม่เหมาะสม บางครั้งการเป็นพระ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้เสมอ บางครั้งที่ท่านรับชมรายการ ท่านบอกว่าให้ข้อคิดที่ดีกว่าพระบางรูปเทศน์เสียอีก ซึ่งหากก้าวข้ามรูปลักษณ์ เจาะเข้าไปที่เนื้อหา เราก็จะเห็นความเหมาะสมเอง
เมื่อคุณวู้ดดี้ถามต่อว่าการเดินทางไปไหว้พระ เข้าวัดเข้าวา ตามที่คนว่าดังบ้าง ศักดิ์สิทธิ์บ้าง ท่านก็ตอบกลับด้วยคำสอนดี ๆ ว่า “ไหว้พระตามแนวพุทธ ไหว้ด้วยใจ มีคนชวนเข้าวัด เป็นบุญมากดีกว่าชวนเข้าผับเข้าบาร์ ซึ่งจะทำให้เกิดทุกข์ทีหลัง” ทำเอาคุณวู้ดดี้ถึงกับอ้าปากค้าง และท่าน ว.วชิรเมธี ก็สอนกลับมาอีกครั้งว่า คนก็เหมือนผลไม้ มีสุข(สุก) ก็ต้องมีทุกข์(หง่อม) เหมือนผลไม้นั่นเอง
และในระหว่างที่ ท่าน ว.วชิรเมธี เดินนำชมสถานที่ปฏิบัติธรรมของท่าน คุณวู้ดดี้ ก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจและได้ถามออกไปว่า หากห้ามเราฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในสถานที่ธรรม แล้วการที่เราเหยียบมดบนดินที่เราก้าวย่างไปนี่ล่ะบาปไหม ท่าน ว.วชิรเมธี ตอบกลับมาว่า “กรรมไม่มี บาปไม่มี หากไม่ได้เจตนา ให้ดูที่เจตนาเป็นสำคัญ”
แล้วคุณวู้ดดี้ก็ยิงคำถามต่อมา เรื่องการดูหมอท่านคิดเห็นอย่างไร ท่าน ว.วชิรเมธี ก็สอนว่า ไม่ มีใครจะรู้เรื่องของเรา ดีไปกว่าตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องหาหมอดู ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ท่านไม่เชื่อเรื่องหมอดู แต่ท่านเชื่อ กฎแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำ กฎที่บอกว่า ชีวิตเราจะเป็นอะไร ยังไง ขึ้นอยู่กับตัวเรา และท่านยังย้อนถามกลับมาว่า หมอดูที่ไปดูเขาน่ะ เจ้าตัวเขาอนุญาตไหม หากไม่อนุญาต ก็เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ทำเอาคุณวู้ดดี้ถึงกับอึ้งอีกครั้ง
พอกล่าวถึงการห้อยพระ ที่คนนั้นคนนี้บอกว่าแขวนพระองค์นี้สิดี แคล้วคลาดจากอันตราย ปลอดภัย คุ้มครองเรา ท่านกล่าวเชิงว่า “งั้น กฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นหมัน แสดงว่าการห้อยพระไปง้างกับกฎแห่งกรรม ทำอะไรไว้แค่ไหนไม่ต้องรับกรรม เพราะมีพระคุ้มครองใช่ไหม” คุณวู้ดดี้เลยโยงถึงเรื่อง ธุรกิจพิมพ์พระ ซึ่งท่านกล่าวว่า “บาป ไม่บาป ให้วัดที่เจตนา หากมีเจตนาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่บาป แต่หากทำเพื่อเม็ดเงินเป็นหลัก ก็เห็นจะไม่สมควร”
มาถึงเรื่องการแก้กรรม ที่กำลังเป็นประเด็นฮอตฮิตในปัจจุบัน ท่านก็ให้คำเตือนสติว่า “คนไทยชอบแก้กรรม เหมือนเราถูกมัดไว้แล้วต้องมานั่งแก้ กรรมคือตัวความคิดของเรา ง่ายนิดเดียวคือการเปลี่ยนความคิด” และท่านเสริมว่า หลายสิ่งหลายอย่างพิสูจน์ไม่ได้ในห้องแล็บ ของพวกนี้ไม่ได้เห็นด้วยตา แต่เห็นด้วยปัญญา สิ่งสำคัญไม่ใช่โลกหน้ามีรึไม่มี แต่โลกนี้มีอยู่จริงและเราใช้ชีวิตอย่างไร
แล้ว คุณวู้ดดี้ ก็วกกลับมาถามเรื่อง พุทธพาณิชย์ อีกครั้ง ในเรื่องของการพิมพ์หนังสือธรรมะจำหน่ายหรือเผยแพร่ ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวว่า เราต้องดูที่เจตนา หากเจตนาทำไปเพื่อดำรงคงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา เผยแพร่คำสอนดี ๆ ธรรมะดี ๆ อย่างนี้ไม่ถือเป็นพุทธพาณิชย์ ถือเป็นการสืบทอดพระศาสนา หากแต่ทำไปเพื่อหวังผลกำไร ก็กลายเป็นพุทธพาณิชย์ไปเท่านั้นเอง แล้วคุณวู้ดดี้ก็ยิงคำถามต่อ เป็นคำถามที่คุณวู้ดดี้เองก็สงสัยเป็นอย่างมาก เรื่องค่าตัวในการเชิญท่านไปแสดงพระธรรมเทศนา ต้องติดต่อที่ใคร ท่านมีสังกัดหรือไม่ ท่านคิดค่าตัวเท่าไร ซึ่งท่าน ว.วชิรเมธี ก็ตอบกลับมาว่า ท่านเป็นพระ เป็นนายตัวเอง ไม่มีสังกัด เรื่องปัจจัยอย่าถาม นิมนต์เท่าไรก็เท่านั้น ปัจจัยที่ท่านได้มา ก็นำไปเป็นปัจจัยเพื่อการศึกษา นำไปให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา นำไปเพื่อเป็นปัจจัยค่าเล่าเรียนของพระภิกษุสามเณร ซึ่งตอนนี้ก็มีเด็กและสามเณรได้ทุนการศึกษากว่าพันคนและรูปแล้ว ซึ่งก็ถือได้ว่า คนที่เชิญท่านไปเทศนาและให้ปัจจัยกับท่านมา ได้ทำบุญใหญ่ ได้ให้โอกาสคน ได้ให้การศึกษาคนที่ไม่มีโอกาส
หลังจากนั้น คุณวู้ดดี้ ก็ได้กล่าวถึงข้อความที่ผู้ชมทางบ้าน ได้ส่งเข้ามาผ่านทวิตเตอร์ของคุณวู้ดดี้ เพื่อให้คุณวู้ดดี้ได้ถามกับท่าน ว.วชิรเมธี ดังนี้
1. ถ้าเราไม่เคารพพระที่เราไม่ชอบ เพราะประพฤติมิชอบ บาปไหม
ท่านตอบว่า “ถ้า ไม่มีความดีให้เราเคารพ ก็ไม่ควรเคารพ ไม่เสียหายอะไร คนเราจะเคารพคนที่สูงกว่าเรา ดีกว่าเรา เป็นเรื่องปกติ ถ้าเราไปเคารพคนที่ไม่ควรเคารพ อันนี้บาป”
2.ถ้านำแกนนำเหลือง-แดงมาให้ท่านเทศน์ ท่านจะเทศน์อย่างไร
ท่านฝากไว้สองข้อว่า 1. อย่าเห็นแก่ตัว จนไม่เห็นหัวประเทศไทย 2. ต้องยอมถอย เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า การถอย ไม่ได้หมายถึงถอยหลังเพียงอย่างเดียว อาจจะถอยไปข้างหน้าเสียด้วยซ้ำ และท่านยังกล่าวอีกว่า การมีนักการเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชั่นในวันนี้เป็นเรื่องดี เพราะจะได้เป็นบทเรียนแก่คนในรุ่นหลัง เพื่อที่จะได้ไม่มีนักการเมืองประเภทนี้ เข้ามาดูแล ปกครองบ้านเมืองอีก ถือเป็นโชคดีที่คนไทย ได้เข้าห้องเรียน มาเรียนรู้พร้อมกัน
เมื่อคุณวู้ดดี้ถามท่านถึงเรื่องอาการจิตตกของคนในยุคปัจจุบัน ท่าน ว.วชิรเมธี ก็ตอบว่า จิตตกก็ยกจิต ต้องออกจากสภาพแวดล้อมแบบนั้น หาหนังสือธรรมะอ่าน ท่านยังเสริมอีกว่า การคบเพื่อนดีเป็นกัลยาณมิตร ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงจิตตกไปได้ หากเจอเพื่อนที่ไม่ดีก็อาจจะจิตตก และทำเรื่องไม่ดีไปมากกว่าเดิมก็ได้
และ ท่าน ว.วชิรเมธี ก็นำทางคุณวู้ดดี้ เดินขึ้นไปบนยอดเขา เพื่อไปกราบไหว้หลวงพ่อยิ้ม ซึ่งระหว่างที่คุณวู้ดดี้ได้กราบอธิษฐานขอพรอยู่นั้น ท่าน ว.วชิรเมธี ก็ได้สอนว่า “มาหาพระพุทธเจ้าอย่าขอ แต่บอกว่า พระพุทธองค์จะเป็นต้นแบบของเรา ท่านมีหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจ พระพุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ เป็นศาสนาแห่งการลงมือทำ การลงมือทำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
คำถามต่อมา คุณวู้ดดี้ถามว่า ใครคือต้นแบบของท่าน ว.วชิรเมธี ท่านก็ตอบว่า …
หนึ่งคือ พระพุทธเจ้า
สองคือ ท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการคิดนอกกรอบ กล้าคิดกล้าทำ ยินดีที่จะพูดความจริงโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องตาย
สามคือ พระพรหมคุณาภรณ์ ผู้ที่มีความแม่นยำในพระธรรมวินัย ท่านเป็นพระที่ไม่ได้จบจากนอก แต่ท่านสามารถสอน ที่ ม. Harvard ได้
สี่คือ หลวงพ่อชา สุภัทโท ท่าน ว.วชิรเมธี เจริญรอยตามหลวงพ่อชา จนมีอาศรมอิสรชน
ห้าคือ ท่านดาไล ลามะ ที่มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมดีเลิศ ท่านเป็นพระที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวโลก จนชาวโลกรู้สึกได้
และสุดท้าย ท่านติช นัท ฮันท์ พระชาวเวียดนาม
สำหรับคำถามต่อมาเกี่ยวกับเรื่องกิเลส พูดถึงกิเลสที่ทำให้เกิดความอยาก ท่าน ว.วชิรเมธี ก็กล่าวว่า “ความอยากมี 2 อย่าง หนึ่ง อยากเพราะถูกกดดันด้วยตัวกิเลส และสอง อยากเพราะถูกผลักดันโดยปัญญา อย่างหลังเป็นความอยากที่ถูกต้อง” ยกตัวอย่างจากการที่คุณวู้ดดี้กล่าวว่า ถ้าอยากเป็นนายกฯ เพราะอยากโกงกิน นั่นเป็นเพราะความอยากเพราะตัณหา แต่ถ้าคุณวู้ดดี้อยากเป็นนายกฯ เพราะต้องการมาพัฒนาบ้านเมือง นั่นเป็นความอยากที่มาด้วยปัญญา ซึ่งเป็นกิเลสที่ถูกต้อง
และคำถามสุดท้ายเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งหลาย ๆ คนบอกว่า เป็นคำถามที่ไม่สมควรถามพระ แต่คุณวู้ดดี้เชื่อว่า ท่าน ว.วชิรเมธี จะมีคำตอบที่ดีและให้ข้อคิด คำถามก็คือ พระเป็นเพศชาย พระจะระงับอารมณ์ทางเพศได้อย่างไร ท่านตอบว่า ความสุขทางเพศรสเป็นความสุขขั้นต่ำของบันไดความสุข กามอารมณ์เกิดจากความคิด ถ้าเราไม่ต่อยอดความคิด ความรู้สึกทางกามอารมณ์ก็ไม่มีตัวตน แล้ว ท่านอธิบายขั้นของความสุขไว้ว่า … ปัญญาสุข คือ ความสุขจากการแสวงหาปัญญา สมาธิสุขคือความสุขจากการนั่งสมาธิ ทำจิตให้สงบ สารแห่งความสุขจะแผ่ไปทั่วร่าง และความสุขสุดยอดคือนิพพานสุข บรรลุมรรคผล เป็นความสุขตลอดกาล เป็นความสุขที่ปราศจากกิเลสทั้งปวงที่มา : kapook.com
28 พฤศจิกายน 2552
10 เทคนิคไม่ให้แบตเตอรี่ BB หมดเร็ว
กระแสแบล็คเบอรี่ (BlackBerry) สุดฮ็อตแห่งยุคกำลังอินสุดสุดเอไอเอส โดย สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เอาใจสาวก BB ด้วยการจัดเวิร์กช็อป "AIS BlackBerry Day" รวมพลคนรักแบล็คเบอรี่ ร่วมอัพเดตทริกการใช้งาน BB คู่กาย โดยกูรูเชี่ยวชาญ ที่โรงแรมพูลแมน เมื่อเร็วๆ นี้ ... เราสรุปย่อๆ ไว้ให้อ่านกันแล้ว
แนะนำข้อปฏิบัติง่ายๆ เพื่อการประหยัดแบตเตอรี่ ได้แก่ เรื่องของไฟแบ๊คไลท์สามารถช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ถึง 40% โดยตั้งค่าปรับลดความสว่างลง-ให้หมดระยะเร็วขึ้น-หรี่ลงแบบอัตโนมัติ และปิดสัญลักษณ์แสดงความครอบคลุมไฟ LED ทั้งควรตั้งค่า ปิดเสียงปุ่มกด, ปิดเสียงหมุนบอล, ลดจำนวนครั้งของเสียงเตือน, ลดจำนวนครั้งของการสั่น เพื่อช่วยยืดการชาร์จไฟได้ จากทุกวันเป็น 2-3 วัน/สัปดาห์ หรือคนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานก็อาจใช้ได้นานถึงหนึ่งสัปดาห์
2.ลดไฟแบ๊คไลท์หมดระยะเวลาโดยเข้าผ่านเมนู Options > Screen/Keyboard > Backlight timeout -> 20sec
3.เปิดไฟแบ๊คไลท์หรี่ลงโดยอัตโนมัติโดยเข้าผ่านเมนู Options > Screen/Keyboard > Auto Dim Backlight > ON
4.ปิดสัญลักษณ์แสดงความครอบคลุม LED โดยเข้าผ่านเมนู Options > Screen/Keyboard > LED coverage indicator > OFF
5.ปิดเสียงปุ่มกดโดยเข้าผ่านเมนู Options > Screen/Keyboard > Key tone > OFF
6.ปิดเสียงหมุนบอลโดยเข้าผ่านเมนู Options > Screen/Keyboard > Audible roll > OFF
7.ปิดไม่สั่น+เสียงนอกซองหนังของ Phone, SMS, MMS, BBM, E-Mail, Browser, Task โดยเข้าเมนู Profiles >
8.ลดจำนวนเสียงบี๊บนอกซองหนังของ Phone, SMS, MMS, BBM, E-Mail, Browser, Task .. เข้าเมนู Profiles > Advanced > (Active) > Number of Beeps > 1
9.ลดจำนวนครั้งที่สั่นนอกซองหนังของ Phone, SMS, MMS, BBM, E-Mail, Browser, Task ?เข้าเมนู Profiles > Advanced > (Active) > Number of Vibrations > 1
10.ลดจำนวนเสียงบี๊บในซองหนังของ Phone, SMS, MMS, BBM, E-Mail, Browser, Task ?เข้าเมนู Profiles > Advanced > (Active) > Number of Beeps > 1
ขอบคุณข้อมูล : เอไอเอส
25 พฤศจิกายน 2552
โรคชอบเปรียบเทียบ
ความรู้สึกแบบนี้มักเกิดเมื่อเราเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่มีดีมากกว่าเรา โดยเฉพาะเป็นการมีในสิ่งที่เราอยากมี แต่ยังไม่มี หรือยังมีไม่พอ และโดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่าคนคนนั้นเป็นคู่แข่งด้วย เช่น เราคงไม่รู้สึกด้อยเวลาได้ข่าวนักเรียนไทยได้เหรียญทองชีวโอลิมปิค เราชื่นชมว่าเขาเก่ง แต่ความรู้สึกอาจต่างกัน ถ้านักเรียนคนนั้นเป็นลูกของญาติของเรา และเรียนชั้นเดียวกับเรา
เราเปรียบเทียบปัจจุบันกับความฝันที่ยังไม่เป็นจริง เช่น อยากมีบ้านสวยๆ แต่ก็ยังไม่มีสักทีทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่ด้อยกว่าคนอื่น
17 พฤศจิกายน 2552
ปาฏิหาริย์การขออโหสิกรรม
ก่อนอื่นดิฉันขอขอบคุณสามีที่อนุญาตให้นำเรื่องนี้มาเล่า เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่มีคู่ครองติดสุราหรืออบายมุขอื่นๆ ที่กำลังท้อแท้กับชีวิต ได้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป
10 พฤศจิกายน 2552
เทคนิคการทำข้อสอบ
04 พฤศจิกายน 2552
พอเพียงกับชีวิตที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎีสไตล์ 5 คนดัง
บี้ - สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว "พอเพียง" คือคำที่ใช่ตัวผม
ปอ - ทฤษฎี สหวงษ์ "ใช้เงินต้องรู้จักวางแผน ไม่ใช่มีแล้วใช้จนหมด"
หนูดี - วนิษา เรซ "ปิดเสียงข้างนอก แล้วกลับมาฟังเสียงข้างใน"
ทราย เจริญปุระ "แค่รู้จักพอ และคิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น"
เรื่องน่ารู้เมื่อออกเดท
สมัยก่อน ผู้หญิงควรรอให้ผู้ชายเป็นฝ่ายออกปากขอเดทกับเราก่อน แต่โลกปัจจุบันนี้ หนุ่มสาวสมัยใหม่ ต่างฝ่ายต่างยอมรับความจริงกันมากขึ้น ดังนั้น หากสบตาแล้วรู้สึกว่าปิ๊งกันก็ไม่ผิดที่ฝ่ายหญิงจะเป็นคนสานต่อให้พองาม เพราะจริงๆเรื่องออกปากนัดนี้ ผู้ชายเขาก็กล้าๆกลัวๆเหมือนที่ผู้หญิงรู้สึกนั่นแหละ ดังนั้นการที่ผู้หญิงจะเริ่มต้นก่อนก็ดีเสียอีก ผู้ชายจะได้มีกำลังใจขึ้น อย่างไรก็ตาม สาวๆฝ่ายเริ่มก็ควรดูให้แน่ใจว่าเขาพร้อมจะมีไมตรีกับคุณ
วิธีที่เหมาะ ครั้งแรกอาจไปกับกลุ่มของเราก่อนเหมือนชวนเพื่อนคนหนึ่ง เท่านี้ก็สำเร็จ แต่ระวังเขาจะติดใจเพื่อนคุณแทนล่ะ
กฎข้อ 2 วิธีนัดที่เหมาะสม
ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักขี้เกียจหรืออายเกินไปที่จะบอกรสนิยมหรือเป็นคนเสนอเลือกการนัดหมายให้ผู้ชาย ทำให้เขายุ่งยากเกี่ยวกับการเลือกสถานที่ว่าจะนัดกันที่ไหนดี อย่ากลัวที่จะแนะนำเขาเรื่องนี้ เขาจะขอบคุณคุณมาก ควรเลือกที่ราคากลางๆไม่แพงสุดขั้วเกินไป และมีบรรยากาศสบายๆให้คุณกับเขาได้คุยกันบ้างไม่เอะอะมากนัก การนัดไปดูหนังถือว่าแย่มาก เพราะต่างฝ่ายต่างก็จะจดจ่อกับหนังตรงหน้า มากกว่าที่จะทำความรู้จักกันและกัน
วิธีที่เหมาะ ควรหาที่ๆจะคุยกันได้สัก 2 ชั่วโมง ไม่เอะอะหรือจอแจเกินไป และหากเป็นนัดเที่ยวกลางคืน ต่างฝ่ายก็ควรตรงกลับบ้านทันที
กฎข้อ 3 บรรยากาศการนัดพบ
ในจินตนาการ สถานที่ดีที่สุดในการเดทกับผู้ชายครั้งแรก จะเป็นบรรยากาศประมาณว่าผู้ชายคนนั้นยืนรอคุณที่โถงชั้นล่างของบันได มีแสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามาที่หน้าต่าง คุณในฐานะสาวสวยก็จะปรากฎโฉมที่ชั้นบนสุด ขณะนั้น แสงแดดอ่อนๆส่องต้องตัวคุณในชุดโทนสีพาสเทลดูอ่อนหวานน่าทะนุถนม พบกันคร้งแรกแบบนี้ ทำให้คุณดูสวยขึ้นอีกหลายเท่า แต่ความจริงก็คือ ต่างคนต่างก็วิ่งเข้ามาที่ร้านเพราะมาสาย และหากเขาเป็นฝ่ายต้องมารับคุณก็แปลว่าคืนนี้เขาต้องงดดื่ม และหากต้องนั่งแท๊กซี่กลับด้วยกัน ค่าแท๊กซี่ก็จะแพงกว่าค่าดินเนอร์มื้อเย็นเสียอีก
วิธีที่เหมาะ การนัดพบกันในโอกาสที่คุณเลือกและในสถานที่บรรยากาศปานกลางนั้น ไม่ได้แปลว่าเขาจะเห็นว่าคุณไม่มีค่า สมัยนี้ชีวิตที่มีสาระความจริงคือสิ่งที่ต้องยอมรับ หากคุณหาที่นัดพบในบรรยากาศสบายๆ และราคาที่ไม่มีใครกระเป๋าฉีก เขาก็จะคบคุณต่อไปได้สะดวกใจมากกว่า
กฎข้อ 4 พูดถึงรักเก่าได้ไหม
หากคุณเป็นผู้ชายที่นัดครั้งแรก แล้วกำลังคุยสนุกสนาน แล้วจู่ๆเรื่องของแฟนเก่าก็เข้ามาแทรก แบบนี้มันจะหมดอารมณ์แค่ไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่ไม่ควรคุยในการเดท เช่นการแต่งงาน เรื่องอนาคตร่วมกัน เรื่องการมีลูก เป็นต้น ก็อะไรจะไปไกลขนาดนั้น เพิ่งเดทกันครั้งแรกแท้ๆอย่าฟุ้งซ่านไปถึงขนาดนั้นเลย พอสาวเริ่มพูดเรื่องแบบนี้ ผู้ชายทั้งร้อยก็เผ่นแทบไม่ทัน ก็เขากลัวคุณจะจับเขาไงล่ะ
วิธีที่เหมาะ คุยเรื่องเบาๆสบายๆที่ไม่ให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถูกผูกมัดมากเกินไป หากมีการพูดถึงเรื่องความรักครั้งเก่าโดยบังเอิญ ก็ทำให้มันดูเป็นเรื่องธรรมดาๆและจบบทสนทนานี้โดยเร็ว แต่อย่าทำให้รู้สึกว่าคุณกำลังมีพิรุธล่ะ
กฎข้อ 5 การจ่ายค่าอาหาร
ทัศนคติแบบเก่าเชื่อว่า หน้าที่นี้เป็นของผู้ชายในนัดแรก แต่ผู้หญิงก็ไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่า เพราะเขาเป็นผู้ชายเขาจึงเป็นหนี้คุณมาแต่ชาติปางก่อนและต้องมาจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ให้คุณ ทั้งๆที่เรื่องนี้น่าจะเป็นความเต็มใจที่เขาทำให้คุณมากกว่า
วิธีที่เหมาะ ให้เขาจ่ายได้ในนัดครั้งแรก แต่อย่าเลือกร้านแพงเกินไป แสดงให้เขารู้ว่าคุณพร้อมหากจะจ่ายคนละครึ่ง แล้วรอให้เขาบอกว่า "ไม่ต้องครับ ผมเอง" จะดีที่สุด จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานแล้วขอบคุณเขาพร้อมกับหยอดว่า เขาน่ารักมากและทำนองว่าคราวหน้าขอโอกาสนี้ให้คุณเลี้ยงบ้าง สำคัญคืออย่าแย่งกันจ่ายจนคนทั้งร้านจะมองว่าคู่คุณเป็นตัวตลก
กฎข้อ 6 กลับบ้านหลังเดท
ไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้ชายไปส่งคุณที่บ้านเหมือนความเชื่อเก่าๆ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น ขึ้นกับสถานการณ์และความสะดวกมากกว่า หากเป็นที่ๆสะดวกพอ คุณสามารถบอกลาแล้วแยกกันไปคนละทางก็ได้ หรือถ้าเขาจะไปส่งคุณที่บ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องชวนเขาเข้าบ้าน หากมันดึกแล้ว
วิธีที่เหมาะ บอกเขาไปได้เลยว่า ตอนนี้ดึกแล้ว ขอบคุณที่มาส่ง วันหลังค่อยพบกันใหม่ ให้เขารู้สึกว่าคุณมีศักดิ์ศรีที่ต้องระวัง แบบนี้จะประทับใจเขามากกว่าทำตัวเป็นเด็กอ่อนให้เขาคอยช่วยเหลือตลอดเวลา
กฎข้อ 7 เชิญเข้ามาทานกาแฟ
ประโยค "เข้ามาดื่มกาแฟก่อนไหมคะ" ของผู้หญิงนั้น ตีความหมายได้หลากหลายอย่าง เช่น เพียงแค่อยากบริการเครื่องดื่มอุ่นๆเขาก่อนกลับบ้าน หรืออยากคุยกับเขาต่อนานๆหรือกำลังจับเขาและอยากให้เขาลวนลามบนโซฟาห้องรับแขก หรืออาจถึงขั้นอยากชวนเขาถอดเสื้อผ้าแล้วมีเซ็กซ์กันต่อหลังการเดทก็เป็นได้ ปัญหาก็คือ ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่านัยที่คุณเอ่ยชวนนี้แปลว่าอะไร
วิธีที่เหมาะ หากคุณไม่มีเป้าหมายอื่น ถ้าจะให้ปลอดภัยคุณก็ควรพูดให้แจ่มแจ้งพร้อมท่าทางประกอบที่จริงใจ เพื่อให้เขาไม่เข้าใจผิดกฎข้อ 8 เซ็กซ์กับเดทครั้งแรก
เรื่องนี้พูดกันตรงๆมันก็ขึ้นอยู่กับคุณเองนั่นแหละ ว่าจะยอมให้เกิดขึ้นแค่ไหน แต่ที่อยากให้ระลึกก็คือ ทำแล้วมีผลอะไรบ้างในระยะยาว หากคุณอยากพบเขาอีกจะปลอดภัยกว่าหากรอสักหน่อย จริงอยู่ แม้จะมีบางคู่ที่แต่งงานกันเมื่อมีเซ็กส์ในเดทครั้งแรก แต่เรื่องนี้ก็ควรพิจารณาให้ดีๆ
วิธีที่เหมาะ หากชอบเขาจริงๆก็ทำอะไรที่ไม่ให้เขารู้สึกว่าคุณเป็นผู้หญิงไวไฟจะเหมาะสมกว่า
กฎข้อ 9 แลกเบอร์กันได้ไหม
เวลาที่ลุ้นระทึกก็คือช่วงว่า เขาจะขอเบอร์โทรคุณไหม แต่ลองนึกถึงว่าหากเขาโทรไปตอนเช้าที่คุณยังไม่ลุกจากเตียงล่ะ เรื่องแบนี้ผู้ชายมักจะเป็นกังวลมากกว่าผู้หญิง เขาจึงไม่ค่อยให้เบอร์ใครง่ายๆและผู้ชายก็ไม่ชอบใช้โทรศัพท์คุยไร้สาระ สำหรับเขาการให้เบอร์โทรคือเรื่องจริงจัง ที่สำคัญคือเขาควรเป็นฝ่ายขอคุณก่อนไม่ใช่คุณเป็นฝ่ายขอเพราะอาจทำให้เขาลำบากใจ
วิธีที่เหมาะ ควรรอให้เขาเป็นฝ่ายให้เบอร์เองจะดูดีกว่า
กฎข้อ 10 แล้วเขาจะโทรมาไหม
เวลามาตรฐานในการโทรกลับของผู้ชายคือ ประมาณ 3 วันขึ้นไปก่อนที่จะโทรกลับมาหาคุณ แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่า เขาต้องเป็นฝ่ายขอเบอร์คุณไม่ใช่คุณให้เขาเอง เขารู้สึกว่าการโทรไปทันทีจะเปิดเผยความรู้สึกมากเกินไป ผู้ชายมักจะรอจนกว่าจะมั่นใจในตัวเอง และเชื่อได้ว่า ถ้าเขาโทรมาก็มักจะไม่ใช่การโทรมาคุยเล่นๆ แต่ต้องมีอะไรมากกว่านั้น เช่น อาจเป็นนัดครั้งต่อไป
วิธีที่เหมาะ รับโทรศัพท์จากเขาอย่างเป็นมิตรจะมีประโยคเริ่มต้นแบบเชยๆเช่นว่า "พอดีผมเจอเบอร์คุณในกระเป๋าเลยโทรมา" เขาจะไม่บอกหรอกว่าเขาคิดถึงคุณ แค่นี้ก็แปลว่า ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของคุณแล้วล่ะค่ะ
ที่มา : www.mthai.com
29 ตุลาคม 2552
7 เทคนิคทำให้ชีวิตผ่อนคลาย
เทคนิคการผ่อนคลายตนเอง
22 ตุลาคม 2552
15 วิธีโจรกรรมรถยนต์
ด้วยเหตุนี้ เมื่อ "รถยนต์-รถจักรยานยนต์" กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งยังเป็นสังหาริมทรัพย์ที่สามารถเคลื่อนที่ไปยังแห่งและหนต่างๆ ได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ "สังหาริมทรัพย์" ประเภทนี้จึงตกเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย
ทุกวันนี้ การโจรกรรมรถยนต์ดูจะเป็นปัญหาอาชญากรรมสำคัญอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ยี่ห้อรถที่มีสถิติสูญหายมากที่สุด ในหมวดของรถยนต์ ได้แก่ "ฮอนด้า แจ๊ซ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า ซิตี้" ส่วนรถกระบะ ได้แก่ "โตโยต้า วีโก้" ขณะที่รถจักรยานยนต์ได้แก่ "ฮอนด้า เวฟ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า คลิก" และพื้นที่ที่มีรถหายมากที่สุดก็คือกรุงเทพมหานคร โดยเขตที่มีสถิติรถหายมากที่สุด ได้แก่ เขตบางกะปิ รองลงมาคือ ดินแดง ตามด้วย จตุจักร วังทองหลาง และคลองเตย ตามลำดับ
โดยสถานที่จอดประจำที่มีอัตราเสี่ยงรถหาย
อันดับ 1 ได้แก่ ที่จอดรถริมถนนและหน้าบ้านพักอาศัย
อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถของอาคารที่พักอาศัย ประเภท หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโด และแมนชั่น
อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของการเคหะฯ
และแม้สถานที่จอดรถชั่วคราวจะมีอัตราการโจรกรรมรถน้อยกว่านั้นก็ไม่ควรประมาท โดยจากสถิติพบว่า สถานที่จอดรถชั่วคราวที่ว่าจัดเป็นพื้นที่เสี่ยง
อันดับ 1 ได้แก่ ลานจอดรถของตลาดสด
อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถห้างสรรพสินค้า
อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของสถานบันเทิง และร้านอาหาร
อันดับ 4 ได้แก่ ลานจอดรถของศาสนสถาน เช่น วัด ศาลหลักเมือง
อันดับ 5 ได้แก่ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือปั้มน้ำมัน
อันดับ 6 ได้แก่ สถานที่พักผ่อน ท่องเที่ยว สวนหย่อม และสวนสาธารณะ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีสถานที่เสี่ยงซึ่งคนส่วนใหญ่คิดไม่ถึงว่าคนร้ายจะกล้าลงมือโจรกรรมรถยนต์ไป ได้แก่ ศูนย์บริการ อู่ซ่อมรถยนต์ สถาบันการศึกษา สมาคม บริเวณริมถนนซึ่งผู้ขับขี่จอดรถนอนหลับพักสายตา หรือแม้กระทั่งลานจอดรถใต้ทางด่วนฯ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ รวมถึงโรงแรม
15 วิธีโจรกรรมยอดฮิต
สำหรับวิธีการที่คนร้ายใช้ในการโจรกรรมรถนั้น หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ระบุว่าจากการรวบรวมข้อมูลพบว่าปัจจุบันคนร้ายมีวิธีการที่หลากหลายถึงประมาณ 70 วิธีเลยทีเดียว โดย 15 วิธีการโจรกรรมยอดนิยม ได้แก่
1.งัดหูช้าง คนร้ายจะใช้เครื่องมืองัดหูช้างออก แล้วเอามือล้วงเข้าไปเปิดสลักหรือค้นล็อกประตู เปิดประตูรถเข้าไป แล้วใช้ไขควงงัดกระปุกกุญแจสตาร์ทออก ต่อไฟตรง เพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
2.ใช้กุญแจปลอม คนร้ายจะทำกุญแจเลียนแบบกุญแจของรถชนิดที่ต้องการลักไว้หลายๆ ขนาด (รอยหยัก) แล้วเลือกลองใช้ทุกดอกที่ทำไว้ ถ้าเปิดประตูรถได้ คนร้ายก็จะเปิดประตูแล้วติดเครื่องยนต์ขับหลบหนีไป
3.ลอกแบบกุญแจ คนร้ายจะใช้วิธีสร้างความสนิทสนมกับเด็กบริการล้างอัดฉีดรถตามสถานบริการจำหน่ายน้ำมัน แล้วว่าจ้างให้เอาดินน้ำมันพิมพ์แบบกุญแจรถของจริงตามที่มีผู้สั่งซื้อไว้ โดยมีค่าจ้างในการจัดทำ คันละ 200-250 บาท โดยเด็กบริการล้างอัดฉีดจะเก็บแบบพิมพ์กุญแจดินน้ำมัน พร้อมจดหมายเลขทะเบียนรถคันนั้นไว้ให้ด้วย ต่อจากนั้นคนร้ายจะไปว่าจ้างร้านทำกุญแจทั่วไปทำกุญแจปลอมตามแบบพิมพ์ในราคาดอกละ 10-20 บาท เมื่อได้กุญแจแล้วก็จะออกตระเวนติดตามรถคันดังกล่าวเพื่อโจรกรรม
4.สร้างกุญแจ คนร้ายจะทำกุญแจในแบบและรูปทรงต่างๆ โดยไม่มีรอยหยัก ของรถตามชนิดที่ต้องการ (ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ) แล้วเอาน้ำหมึกอินเดียอิงค์สีดำทาไว้ปล่อยให้แห้งสนิท เมื่อพบรถที่ต้องการคนร้ายจะเอากุญแจแบบรูปทรงที่ทำไว้สอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถแล้วบิดหมุน เพื่อให้เกิดร่องรอยที่น้ำหมึกอินเดียอิงค์ ดึงเอากุญแจออก นำไปเซาะร่องตามรอยที่ปรากฏอยู่ เมื่อวัดทำกุญแจเรียบร้อยแล้วคนร้ายก็จะออกติดตามรถคันนั้น เมื่อสบโอกาสก็จะทำการโจรกรรมทันที
5.ใช้ลวดเกี่ยวปุ่มล็อกประตูรถ รถบางชนิดที่ไม่มีหูช้าง คนร้ายจะใช้วิธีดึงกระจกที่บานประตูให้เผยอเพียงเล็กน้อย และถ้าเจ้าของปิดกระจกไม่สนิทก็ยิ่งเป็นโอกาสให้เกิดความสะดวกแก่คนร้ายมากขึ้น ต่อจากนั้นคนร้ายจะใช้ลวดทำเป็นห่วงที่ปลาย สอดเข้าไปดึงปุ่มล็อกประตูออก เปิดประตูเข้าไปในรถ ต่อไฟฟ้าสายตรง สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
6.ใช้ไขควงฉาก คนร้ายจะทำไขควงชนิดหน้าแบน ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุต (รวมความยาวของด้าม) ที่ตอนปลายไขควง ตรงความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวไขควง ดัดงอเป็นมุมฉาก ใช้ปลายไขควงสอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ งัดอย่างแรง กระปุกกุญแจประตูจะแตกและหลุดออกมา สามารถเปิดประตูรถ เข้าไปต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
7.งัดฝาถังน้ำมัน มีรถหลายชนิดฝาถังน้ำมันอยู่ภายนอกและกุญแจเปิดฝาถังน้ำมัน กุญแจเปิดประตูรถ และกุญแจติดเครื่องยนต์ ใช้ดอกเดียวกัน คนร้ายจะใช้กุญแจเลื่อนขนาดใหญ่งัดเอาฝาน้ำมันไปทำกุญแจ โดยอาศัยร่องรอยจากรูกุญแจของฝาถังน้ำมัน เมื่อทำเสร็จแล้วจะได้ทั้งกุญแจสำหรับไขประตูรถ และติดเครื่องยนต์
8.ใช้น้ำกรด คนร้ายจะใช้น้ำกรดใส่ขวด และมีลูกยางหรือเข็มฉีดยาพร้อมหลอด ดูดน้ำกรดจากขวดน้ำไปหยอดหรือฉีดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ น้ำกรดจะเข้าไปทำลายช่องกุญแจ ทำให้สามารถเปิดประตูเข้าไปในรถได้ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
9.เปิดกระจกหลังรถ คนร้ายจะใช้ไขควงงัดยางขอบกระจกหลังรถออก แล้วเปิดกระจกออกด้วยแรงดึงซึ่งกระทำด้วยความชำนาญ คนร้ายหรือลูกมือที่ใช้วิธีการนี้ส่วนใหญ่จะเคยเป็นช่างถอดหรือใส่กระจกมาก่อน เมื่อถอดกระจกออกได้แล้วจะมุดตัวเข้าไปในรถ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ แล้วขับรถหลบหนีไป
10.ใช้เหล็กเขี่ยสลักล็อกประตู คนร้ายจะทำเหล็กเป็นลักษณะแบนหรือกลม หรือใช้ไขควงตัวเล็กๆ แหย่เข้าไปในรูใต้หูจับเปิดรถ แล้วเขี่ยสลักล็อกประตูรถ เปิดประตูเข้าไปในรถ ใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ ขับหลบหนีไป
11.ใช้กุญแจพิเศษ คนร้ายจะใช้เหล็กที่แข็งเป็นพิเศษทำเป็นหยักหรือร่องถี่ๆ มีขนาดความหนาเท่ากับกุญแจรถทั่วๆไป กุญแจพิเศษนี้มีความแข็งมากเป็นพิเศษ เมื่อใส่เข้าไปในรูกุญแจประตูรถแล้วบิดด้วยความแรง ความแข็งของกุญแจพิเศษจะงัดร่องในกุญแจประตูรถให้หักหรือไม่อยู่ในสภาพเดิม สามารถเปิดประตูเข้าไปในรถได้ ต่อไฟฟ้าสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
12.ใช้คีมบิดยวงกุญแจ คนร้ายจะใช้คีมคีบยวงกุญแจประตู อาศัยแรงบีบที่แน่นและมั่นคง บิดด้วยความแรงดึงเอายวงกุญแจประตูรถออกไป แล้วนำไปจ้างช่างทำกุญแจปลอม เพื่อโจรกรรมรถคันนี้ต่อไป
13.ใช้กลอุบายรับจ้างขับรถ คนร้ายจะใช้วิธีการง่ายๆ โดยไปรับจ้างเป็นคนขับรถตามสำนักงานจัดหางาน เมื่อได้รถแล้วก็จะขับรถให้นายจ้างประมาณ 6-7 วัน ได้โอกาสก็จะขับรถหลบหนีไป
14.จี้หรือชิงรถซึ่งหน้า คนร้ายประเภทนี้จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปฏิบัติการครั้งละ 2 คน (ขับขี่ 1 คน และซ้อนท้าย 1 คน) ติดตามสะกดรอยรถตามใบสั่ง เมื่อเจ้าของรถหรือเหยื่อขับรถคนเดียวไปจอดหรือผ่านไปในเส้นทางที่เปลี่ยวหรือลับตาคน คนร้ายก็จะใช้วิธีขับรถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวรถของเหยื่อ เมื่อเหยื่อซึ่งเป็นเจ้าของรถหยุดรถเพื่อตรวจสอบความเสียหาย คนร้ายจะใช้อาวุธปืนหรือมีดปลายแหลมจี้ให้ลงจากรถ และส่งกุญแจรถให้ คนร้ายก็จะขับขี่รถเอาไปซึ่งหน้า ทิ้งผู้เสียหายไว้ในที่ เกิดเหตุ
15.มอมยาคนขับรถยนต์รับจ้าง คนร้ายจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นแรก คนร้ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จำนวน 4 - 5 คน จะไปว่าจ้างรถยนต์ (ตามใบสั่งที่ต้องการ) เพื่อไปเที่ยวในต่างอำเภอหรือจังหวัด เสร็จงานก็จะจ่ายเงินให้คนขับตามปกติ ขั้นที่สอง เป็นห้วงระยะเวลา 4 - 5 วันจากขั้นแรก คนร้ายชุดเดิมจะว่าจ้างรถไปเที่ยวเหมือนเดิมแต่จะนัดหมายกับคนร้ายพวกเดียวกัน 1 - 2 คน ไปรอ ณ. จุดที่กำหนดเพื่อรอรับรถ ขณะที่คนร้ายซึ่งเป็นผู้หญิงจะพยายามหาโอกาสในช่วงที่คนขับรถรับประทานอาหารร่วมกันใส่ยานอนหลับหรือยาชนิดอื่นที่ทำให้มึนเมาหมดสติลงไปในเครื่องดื่มหรืออาหาร เพื่อมอมคนขับรถให้หมดสติ ต่อจากนั้นก็จะส่งคนขับรถไปนอนที่โรงแรมซึ่งได้จองไว้ล่วงหน้า แล้วนำกุญแจรถให้กับคนร้ายซึ่งรออยู่แล้วขับรถหลบหนีไป ซึ่งวิธีการนี้ค่อนข้างจะเป็นวิธีใหม่ในการโจรกรรมรถ
http://www.manager.co.th/
21 ตุลาคม 2552
พระตรีมูรติเทวรูปแห่งความรัก
การสักการะบูชา
เวลาในการสักการะ คือ ทุกวันพฤหัสฯ ช่วงเช้า 9.30 น. และอีกครั้งในช่วงกลางคืน 21.30 น. การสักการะให้นำเทียนสีแดงหรือสีเหลือง 1 เล่ม ธูปสีแดง 9 ดอก พร้อม พวงมาลัยดอกกุหลาบสีแดงไปด้วย อาจจะมีของสักการะอย่างอื่นไปเพิ่มก็ได้ แต่เน้นสีแดง ในขณะที่ขอพรให้เตรียมกระดาษจดสิ่งที่ต้องการขอพรจากท่านตรีมูรติลงไปอย่างละเอียด พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองไปด้วย
สาธุ สาธุ สาธุ อุกาสะ
19 ตุลาคม 2552
เพิ่มเนื้อที่ความจำให้สมอง
ที่มา ladinaclub