06 ตุลาคม 2552

9 วิธีรู้สึกดีกับตัวเอง

มีเคล็ดลับอยู่หลายข้อที่จะช่วยให้ผู้หญิงเรารู้สึกดีๆ กับตัวเองได้ ไม่ว่าเธอคนนั้นจะสูงต่ำดำขาวประการใด มาดูกันค่ะ

1.หยุดพูดถึงความอ้วน
คนเราถ้าเริ่มต้นคิดถึงเรื่องไหนๆ ในด้านลบ ก็มักจะจบลงด้วยความไม่ดีของตัวเอง อย่าย้ำเตือนตัวเองบ่อยๆ ว่าทำไมฉันอ้วนอย่างนี้นะ อย่าเสียเวลาบ่นซ้ำซาก มันจะฝังลงในใจจนเรารู้สึกไม่ชอบตัวเอง สนใจในเรื่องสบายอกสบายใจดีกว่า เวลาทักกันเลิกทักว่าทำไมดูอ้วนขึ้นหรือผอมลงเสียทีก็ดีค่ะ

2.อย่าส่องกระจกนานไป
นักเขียนวัย 36 ปีคนหนึ่งบอกว่าชอบทำโยคะ เพราะไม่มีกระจกในห้องโยคะ จะได้ไม่ต้องเห็นรูปร่างของตัวเอง เธอไม่ได้ออกกำลังเพื่อลดความอ้วน แต่เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดีขึ้น ถ้ายังมีกระจกอยู่ก็คงมัวแต่มองหุ่นของตัวเองว่าอ้วนแค่ไหน

3.เลิกอดอาหาร
วันที่ 6 พฤษภาคม เป็นวัน No Diet Day สากล มีสโลแกนว่า "การคิดถึงเอวเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับจิตใจ" และ "ชีวิตคืองานเลี้ยงฉลอง ไยฉันจึงต้องมาอดอยาก"

4.มองโลกในแง่ผอม
งานวิจัยหนึ่งของมหาวิทยาลัย Brock ใน Ontario สหรัฐฯ บอกว่า ผู้หญิง 31 เปอร์เซ็นต์ที่น้ำหนักปกติดีสุขภาพสมบูรณ์ คิดว่าตัวเองหนักเกินไป เปรียบเทียบกับผู้ชาย มีอยู่แค่ 5 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าตัวเองมีน้ำหนักเกิน เราต้องหยุดวิเคราะห์รูปร่างใครๆ รวมทั้งตัวเองเสียที

5.ใส่เสื้อผ้าที่ให้ความมั่นใจ
ผู้หญิงวัยร้อยปีคนหนึ่งบอกว่า การสร้างความประทับใจไม่ใช่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นการสวมเสื้อผ้าที่มั่นใจ จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจโดยเฉพาะชุดเก่ง(คงต้องเชื่อเธอบ้างเพราะเธอผ่านชีวิตมาน านขนาดนั้น!)

6.พูดดีๆ กับตัวเอง
ถ้ามีคนพูดกับเราว่า "เธอน่ะอ้วนจะตาย คางเป็นชั้น อกนิดเดียว ก้นงี้ใหญ่เป็นกระจาด" คงแทบจะถลาไปบีบคอเขาใช่ไหมคะ ฉะนั้นก็ต้องหัดพูดกับตัวเองดีๆ ด้วยเหมือนกัน จะได้รู้สึกดีกับตัวเอง

7.เลิกชั่งน้ำหนัก
เราเข้าใจไปในทางเดียวกันว่า เครื่องชั่งน้ำหนักเป็นตัวคอยเตือนว่าเราน้ำหนักเกินไปหรือยัง แต่ไม่เคยเฉลียวใจเลยว่ามันยิ่งทำให้เรากังวลกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงไปสักโลฯ สองโลฯ เกินเหตุ ทั้งที่ดูด้วยตาเปล่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

8.เลิกปลื้มภาพตัวเองในอดีต
ภาพสาวเอวบางร่างน้อยในอดีตอันไกลโพ้นของเราก็ดีอยู่ที่ทำให้ปลื้มได้ไม่รู้จบ แต่อย่าติดอยู่กับอดีตให้มันตามมาหลอกหลอนจนเราหมดความสุขในปัจจุบัน

9.แต่งตัวเพื่อตัวเอง
ไม่ต้องเชื่อฟังข้อแนะนำความงามอยู่ตลอดเวลาหรอกค่ะ เรามักจะแนะนำว่าถ้าจะดูดีต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ ห้ามใส่อย่างโน้นอย่างนี้ แม้ทำแล้วจะสวยขึ้นจริงๆ ก็ช่างมันบ้าง สนุกกับชีวิตดีกว่า

หลังจากอยู่ในกองข้อมูลเพียบขนาดนี้ ดิฉันเริ่มมองตัวเองในมุมใหม่ แม้ยังไม่เชี่ยวชาญดี แต่เริ่มรู้สึก...สวยขึ้นอีกนิดแล้วละสิ

จาก: นิตยสาร Teens & Family

30 กันยายน 2552

มารยาทในการใช้โทรศัพท์มือถือ


โทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงวิธีสื่อสารของเราไปจากเดิมและก่อให้เกิดพฤติกรรมไม่ดีแบบใหม่ๆขึ้น เกียก ลิม ที่ปรึกษาและวิทยากรเกี่ยวกับ มารยาททางสังคมจากสิงคโปร์ซึ่งจัดสัมมนาเรื่องมารยาทในการใช้โทรศัพท์มือถือมาแล้วหลายครั้งให้คำแนะนำในเรื่องนี้ไว้

1.เมื่อมีสายเรียกเข้าแต่คุณไม่ได้รับ คุณต้องโทรฯกลับ "คุณควรโทรฯกลับเร็วที่สุดภายในวันรุ่งขึ้นเป็นอย่างช้า ถ้าโทรฯกลับช้ากว่านั้น คุณควรขอโทษและบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงโทรฯกลับช้า"

2.ควรส่งข้อความสั้นๆและตรงประเด็น ถ้าข้อความยาวกว่าสี่หรือห้าบรรทัด คุณควรโทรฯคุยหรือส่งอีเมลดีกว่า "คำที่พิมพ์แบบย่อๆควรใช้กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเท่า นั้น ห้ามใช้ในการติดต่อธุรกิจเป็นอันขาด"

3.รักษาระดับเสียงแบบ ที่คุณใช้พูดกับคนที่อยู่ตรงหน้า ถ้าสัญญาณไม่ดี อย่าเปล่งเสียงดังขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยิน คุณควรเปลี่ยนที่คุยเพื่อให้ได้สัญญาณดีขึ้น ถ้าสัญญาณยังขาดๆหายๆ รบกวนให้อีกฝ่ายโทรฯมาใหม่ หรือคุณจะเป็นฝ่ายโทรฯกลับไปเองภายหลัง

4.เมื่อสายหลุดเพราะสัญญาณไม่ดี คนที่โทรฯมาควรจะโทรฯใหม่ "ผู้รับสายอาจไม่สะดวกโทรฯโดยเฉพาะในกรณีหมายเลขที่โทรฯเข้ามาไม่ใช่หมายเลขที่บันทึกไว้ หรือเป็นการโทรฯทางไกลจากต่างประเทศ"

5.เรื่องอ่อนไหวหรือความลับไม่ควรสื่อสารกันด้วยการส่งข้อความ แต่อาจส่งข้อความเพื่อนัดพบหรือนัดเวลาโทรฯคุยเรื่องแบบนี้กันจะดีกว่า

6.เมื่อมาไม่ทันนัดหมายหรือการประชุม คุณสามารถส่งข้อความบอกว่าจะมาสายได้ ข้อความควรสื่อการขอโทษและความจริงใจ "ข้อความว่า "ขอโทษ จะไปสายประมาณ 30 นาทีเพราะเครื่องบินมาถึงช้า" เป็นข้อความที่สุภาพและนึกถึงหัวอกผู้อื่น"

7.การรับสายขณะประชุมจะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณบอกประธานในที่ประชุมไว้แล้วว่าอาจมีโทรศัพท์ด่วนถึงคุณ ถ้ามีโทรศัพท์ด่วนมาโดยไม่คาดคิด ให้ขอโทษผู้เข้าร่วมประชุมและอธิบายว่าทำไมจึงจำเป็นต้องรับสายนั้น จากนั้นจึงออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้องประชุม


การยินดีให้กับคนรัก



ปฏิกิริยาที่เรามีต่อความสำเร็จของคนรักนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันและอาจมีความสำคัญมากกว่าการปลอบโยนในคราวที่ประสบมรสุมชีวิตเสียอีก
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแสดงความยินดีและยกย่องคนรักที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งงานด้วยความตื่นเต้น คนรักของคุณจะรู้สึกเบิกบาน แต่ถ้าคุณไม่ค่อยใส่ใจ ความสัมพันธ์อาจเสื่อมถอยลงอย่างร้ายแรงได้

เจเน็ต ฮอลล์ จิตแพทย์ด้านปัญหาครอบครัวและความสัมพันธ์แห่งเมลเบิร์น กล่าวว่า "มีคนจำนวนมากมาพบดิฉันและเล่าให้ฟังว่าตอนเป็นเด็กนักเรียนและสอบได้เกรดบี" พ่อแม่จะถามว่า "ทำไมถึงไม่ได้เอ" ความต้องการการยอมรับแบบเดียวกันนี้เป็นปัจจัยสำคัญของการครองรักเช่นกันซึ่งสามารถทำให้คนเรารู้สึกดีได้จริงๆ
"คุณควรรู้จักชื่นชมความสำเร็จของคนรัก เพราะความสำเร็จนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณด้อยกว่าแต่อย่างใด คุณควรรู้สึกร่วมกับเขา ไม่ใช่ต่อต้าน" และเมื่อให้ความรู้สึกดีๆต่อกัน คุณก็มีแต่จะได้ จริงไหมล่ะ
หมอฮอลล์แนะให้

1. ถือว่าคนรักของคุณคือเพื่อนร่วมทีม จงชื่นชมในความสำเร็จ และอวยพรให้คนรักประสบความสำเร็จ

2. แสดงการรับรู้และยอมรับ ทุกครั้งที่คนรักของคุณสามารถก้าวเข้าใกล้เป้าหมายได้แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ อย่ารอกระทั่งเขาหรือเธอบรรลุเป้าหมาย

3. ขอบคุณคนรักทุกครั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยชมคุณ ทำให้เป็นเรื่องรื่นรมย์ที่คุณทั้งสองมีความรู้สึกร่วมกัน

4. เป็นคู่รักที่ชื่นชมกัน ต้องชมคนรักให้โลกรับรู้อยู่เสมอและอย่ากล่าวถึงกันในทางที่เสื่อมเสีย

5. หากคุณรู้สึกว่าคิดในเชิงบวกได้ยาก และรู้สึกแย่เมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับคนรัก ให้นึกถึงสิ่งดีๆในความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองซึ่งเป็นเรื่องบวกในด้านอื่นๆ