30 กันยายน 2552

มารยาทในการใช้โทรศัพท์มือถือ


โทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงวิธีสื่อสารของเราไปจากเดิมและก่อให้เกิดพฤติกรรมไม่ดีแบบใหม่ๆขึ้น เกียก ลิม ที่ปรึกษาและวิทยากรเกี่ยวกับ มารยาททางสังคมจากสิงคโปร์ซึ่งจัดสัมมนาเรื่องมารยาทในการใช้โทรศัพท์มือถือมาแล้วหลายครั้งให้คำแนะนำในเรื่องนี้ไว้

1.เมื่อมีสายเรียกเข้าแต่คุณไม่ได้รับ คุณต้องโทรฯกลับ "คุณควรโทรฯกลับเร็วที่สุดภายในวันรุ่งขึ้นเป็นอย่างช้า ถ้าโทรฯกลับช้ากว่านั้น คุณควรขอโทษและบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงโทรฯกลับช้า"

2.ควรส่งข้อความสั้นๆและตรงประเด็น ถ้าข้อความยาวกว่าสี่หรือห้าบรรทัด คุณควรโทรฯคุยหรือส่งอีเมลดีกว่า "คำที่พิมพ์แบบย่อๆควรใช้กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเท่า นั้น ห้ามใช้ในการติดต่อธุรกิจเป็นอันขาด"

3.รักษาระดับเสียงแบบ ที่คุณใช้พูดกับคนที่อยู่ตรงหน้า ถ้าสัญญาณไม่ดี อย่าเปล่งเสียงดังขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยิน คุณควรเปลี่ยนที่คุยเพื่อให้ได้สัญญาณดีขึ้น ถ้าสัญญาณยังขาดๆหายๆ รบกวนให้อีกฝ่ายโทรฯมาใหม่ หรือคุณจะเป็นฝ่ายโทรฯกลับไปเองภายหลัง

4.เมื่อสายหลุดเพราะสัญญาณไม่ดี คนที่โทรฯมาควรจะโทรฯใหม่ "ผู้รับสายอาจไม่สะดวกโทรฯโดยเฉพาะในกรณีหมายเลขที่โทรฯเข้ามาไม่ใช่หมายเลขที่บันทึกไว้ หรือเป็นการโทรฯทางไกลจากต่างประเทศ"

5.เรื่องอ่อนไหวหรือความลับไม่ควรสื่อสารกันด้วยการส่งข้อความ แต่อาจส่งข้อความเพื่อนัดพบหรือนัดเวลาโทรฯคุยเรื่องแบบนี้กันจะดีกว่า

6.เมื่อมาไม่ทันนัดหมายหรือการประชุม คุณสามารถส่งข้อความบอกว่าจะมาสายได้ ข้อความควรสื่อการขอโทษและความจริงใจ "ข้อความว่า "ขอโทษ จะไปสายประมาณ 30 นาทีเพราะเครื่องบินมาถึงช้า" เป็นข้อความที่สุภาพและนึกถึงหัวอกผู้อื่น"

7.การรับสายขณะประชุมจะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณบอกประธานในที่ประชุมไว้แล้วว่าอาจมีโทรศัพท์ด่วนถึงคุณ ถ้ามีโทรศัพท์ด่วนมาโดยไม่คาดคิด ให้ขอโทษผู้เข้าร่วมประชุมและอธิบายว่าทำไมจึงจำเป็นต้องรับสายนั้น จากนั้นจึงออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้องประชุม


การยินดีให้กับคนรัก



ปฏิกิริยาที่เรามีต่อความสำเร็จของคนรักนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันและอาจมีความสำคัญมากกว่าการปลอบโยนในคราวที่ประสบมรสุมชีวิตเสียอีก
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแสดงความยินดีและยกย่องคนรักที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งงานด้วยความตื่นเต้น คนรักของคุณจะรู้สึกเบิกบาน แต่ถ้าคุณไม่ค่อยใส่ใจ ความสัมพันธ์อาจเสื่อมถอยลงอย่างร้ายแรงได้

เจเน็ต ฮอลล์ จิตแพทย์ด้านปัญหาครอบครัวและความสัมพันธ์แห่งเมลเบิร์น กล่าวว่า "มีคนจำนวนมากมาพบดิฉันและเล่าให้ฟังว่าตอนเป็นเด็กนักเรียนและสอบได้เกรดบี" พ่อแม่จะถามว่า "ทำไมถึงไม่ได้เอ" ความต้องการการยอมรับแบบเดียวกันนี้เป็นปัจจัยสำคัญของการครองรักเช่นกันซึ่งสามารถทำให้คนเรารู้สึกดีได้จริงๆ
"คุณควรรู้จักชื่นชมความสำเร็จของคนรัก เพราะความสำเร็จนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณด้อยกว่าแต่อย่างใด คุณควรรู้สึกร่วมกับเขา ไม่ใช่ต่อต้าน" และเมื่อให้ความรู้สึกดีๆต่อกัน คุณก็มีแต่จะได้ จริงไหมล่ะ
หมอฮอลล์แนะให้

1. ถือว่าคนรักของคุณคือเพื่อนร่วมทีม จงชื่นชมในความสำเร็จ และอวยพรให้คนรักประสบความสำเร็จ

2. แสดงการรับรู้และยอมรับ ทุกครั้งที่คนรักของคุณสามารถก้าวเข้าใกล้เป้าหมายได้แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ อย่ารอกระทั่งเขาหรือเธอบรรลุเป้าหมาย

3. ขอบคุณคนรักทุกครั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยชมคุณ ทำให้เป็นเรื่องรื่นรมย์ที่คุณทั้งสองมีความรู้สึกร่วมกัน

4. เป็นคู่รักที่ชื่นชมกัน ต้องชมคนรักให้โลกรับรู้อยู่เสมอและอย่ากล่าวถึงกันในทางที่เสื่อมเสีย

5. หากคุณรู้สึกว่าคิดในเชิงบวกได้ยาก และรู้สึกแย่เมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับคนรัก ให้นึกถึงสิ่งดีๆในความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองซึ่งเป็นเรื่องบวกในด้านอื่นๆ


29 กันยายน 2552

7 วันไหนดีที่สุด



วันไหนเป็นวันดีที่สุด...ที่จะขอเงินเดือนเพิ่มหรือคิดโครงการใหม่ การวิจัยพบว่า การทำงานมีแบบแผนเฉพาะซ่อนอยู่

การทำงานในสำนักงานดูจะเหมือนกันทุกวัน ตามจริง สัปดาห์แห่งการทำงานนั้นมีจังหวะของมัน เป็นจังหวะที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ถ้าผู้ทำงานรู้จักใช้ เด็บบี มอสโควิตซ์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแม็กกิลในแคนาดา วิจัยพบว่า "คนเราจะเริ่มทำงานตอนต้นสัปดาห์อย่างมีไฟ แต่พอใกล้ถึงวันศุกร์ก็เริ่มตระหนักว่าคงต้องเพลาๆลงบ้าง"

วันจันทร์ ผู้ทำงานจะตั้งใจทำงานและอยากให้งานสำเร็จลุล่วง ดังนั้น จึงเป็นวันดีที่สุดที่จะมอบหมายงาน จัดระบบงาน วางเป้าหมาย ทำตามคำสั่งของเจ้านาย และหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

วันอังคาร อาจเป็นวันที่มีผลงานและประสิทธิภาพในการทำงานดีที่สุด แต่การวิจัยโดย fish4jobs ระบุว่า วันอังคารเป็นวันที่คนใช้อินเทอร์เน็ตหางานกันมากที่สุด "เราพบว่าคนใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่บ่ายสามโมงเป็นต้นไป" โจ สลาวิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว

วันพุธ ผู้ทำงานจะเริ่มผ่อนคลาย แต่ยังไม่ถึงกับหมดเรี่ยวแรง กลาเดียนา แม็กมาห์น ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ กล่าวว่า วันพุธเป็นวันดีที่สุดสำหรับการคิดสร้างสรรค์ "ให้จัดประชุมระดมความคิดและวางแผนอนาคต"

วันพฤหัสบดี มอสโควิตซ์กล่าวว่า "เป็นวันดีที่สุดที่จะขอให้ผู้อื่นทำอะไรๆให้" เพราะผู้ทำงานจะค่อนข้างว่าง่ายและยอมเจรจาด้วย ดังนั้น อาจเป็นวันดีที่สุดที่จะขอขึ้นเงินเดือน

วันศุกร์ ต้องระวัง เพราะเป็นวันที่ผู้ทำงานจะกล้าเสี่ยงมากขึ้นและประสบอุบัติเหตุมากกว่าวันอื่น เป็นวันที่ควรจะเผชิญหน้ากับผู้ร่วมงานที่มีข้อข้องใจ อะแลสแตร์ ฮามิล นักจิตวิทยาด้านการทำธุรกิจ แนะ "พวกเขาอาจยอมรับสิ่งที่คุณเคยบอกเขาไว้ก่อนจะมาพบคุณในวันจันทร์ ก็ได้"

วันสุดสัปดาห์ คุณเป็นพวกที่เครียดกับงานมาตลอดสัปดาห์ แล้วล้มป่วยในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไม่ ให้ลองออกกำลังในคืนวันศุกร์เพื่อปรับร่างกายจากเวลาแห่งงานไปสู่เวลาแห่งการพักผ่อน

ที่มา : http://www.readersdigest.co.th/

22 กันยายน 2552

ป่านนี้แล้ว ยังไม่มีคู่


สาวสวยเพียบพร้อมบางคน รู้สึกเป็นทุกข์เพราะอายุ 35 แล้ว ยังไม่มีแฟน รู้สึกถึงแรงกดดันจากสังคม ไปไหนคนเดียวมักจะถูกถามว่า เมื่อไหร่จะมีข่าวดี เช่นเดียวกับบางคนที่อายุ 40 กว่าแล้วและเป็นทุกข์กับคำว่าขึ้นคาน ทำให้รู้สึกเครียด อึดอัด เหมือนตัวเองมีปมด้อย มีผู้ใหญ่บอกฉันว่า ถ้าเราเติมเต็มให้ตัวเองได้ ดูแลกายและใจของตัวเองเป็น มีกัลยาณมิตรที่ดีแล้ว ไม่ต้องแต่งงานก็ถือเป็นข่าวดีเช่นกัน
ข่าวดีอย่างไร ?
วดีเพราะมีเรื่องทุกข์กาย ทุกข์ใจน้อยกว่าปกติ คนเราตัวคนเดียวก็ทุกข์เพราะกายและใจเราอยู่แล้ว อาจจะให้คะแนนความทุกข์เท่ากับ 10 แต้ม ถ้ามีคู่ชีวิต ถึงแม้ได้คนดีมีคุณธรรม ก็ยังทุกข์ เพราะความห่วงใยในตัวคนรัก เขาทุกข์กายเวลาเข้าโรงพยาบาล เราก็ทุกข์ใจ ทำให้ได้แต้มความทุกข์สะสม เพิ่มเป็น 20 แต้ม

ถ้ามีลูก 1 คน ก็ได้ แต้มความทุกข์สะสม เพิ่มเป็น 30 แต้ม
ถ้ามีลูก 2 คน ก็ได้ แต้มความทุกข์สะสม เพิ่มเป็น 40 แต้ม
ถ้ามีลูก 3 คน ก็ได้ แต้มความทุกข์สะสม เพิ่มเป็น 50 แต้ม
การอยู่คนเดียวจึงเป็นข่าวดีอีกอย่างหนึ่ง...เช่นนั้นอย่าทำร้ายตัวเองด้วยค่านิยมเก่าๆของสังคมเลย

อ่านแล้วคนโสดที่เป็นทุกข์ต้องปรับทัศนคติตัวเองเสียใหม่ คุณน่ะโชคดีแล้ว

ที่มา Love Box

วิธีสร้างสุขแบบสาวโสด


วิธีสร้างความสุข แบบสาวโสดสาวคนไหนที่กำลังโสด มาสร้างความสุขให้ตัวเองกันดีกว่า วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีมาฝาก...

1. ถึงเวลาแล้วที่จะมีเวลาเพิ่มความสำเร็จให้กับชีวิต ด้วยการทุ่มเทหัวใจทั้งหมดไปกับการทำงาน ความโสดจะทำให้มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ความรักบางครั้งก็ทำให้ไขว้เขวและหดหู่ การไม่มีภาระทางใจจะทำให้เราสนุกไปกับการทำงานได้อย่างสบายๆ

2. หันมามองครอบครัวได้อย่างเต็มตา ถึงเวลาที่จะมีเวลาทำกิจกรรมกับคุณพ่อคุณแม่ พี่น้อง และหลานๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงว่าวันหยุดนี้ หวานใจจะพาไปไหน ครอบครัวก็ไม่ต้องเหงาเพราะคิดถึงคุณอีกต่อไป ความสุขแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

3. ได้เวลาสนุกให้สุดๆ กันเสียที สำหรับปาร์ตี้สุดสนุกกับเพื่อนๆ ก๊วนเดิมที่ห่างหายไปเสียนาน เวลาแห่งความสุดเหวี่ยงของชีวิตกลับมาอีกครั้ง ช่วงนี้จะสามารถกิน เที่ยว ได้อย่างอิสระเชียว

4. เวลาคุณภาพที่ดีที่สุดคือ การให้เวลากับตัวเองด้วยกิจกรรมดีๆ มากมาย ทั้งการดูแลร่างกายและหัวใจ อย่างการไปเข้าสปา ทำสมาธิ หรือจะดูหนังรัก 3 เรื่องติดต่อกันก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องสนใจเสียงบ่นของใครอีกเลย

5. ถึงเวลาอัพเดทสมองกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไปเฉยๆ เมื่อต้องอยู่คนเดียว นั่นคือความรู้จากสื่อที่อยู่รอบตัว ควรหาเวลาเหมาะๆ ตั้งหลักหาความรู้ใส่สมองเสียหน่อยจะดีที่สุด จำไว้ว่า ผู้หญิงสวยก็ควรมีความฉลาดควบคู่ไปด้วย

6. ลองสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นดูบ้าง ความสุขที่ยิ่งใหญ่มักเกิดจากการให้ เพียงแค่ใส่ใจกับกิจกรรมเพื่อสังคมที่พบเห็นอยู่ทั่วไปบ้าง แล้วการให้จะทำให้อิ่มใจจนลืมไม่ลงสาวคนไหนโสดอยู่ ก็อย่าลืมหาความสุขให้กับตัวเองกันดูได้
ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

12 กันยายน 2552

ขอกอดทีกับคนที่เรารักครั้งหนึ่งในชีวิต...‏




เขียนโดย ไพลิน ถาวรวิจิตร และ GTH Team

เคยสังเกตไหม... เวลาคุณ *"กอด" *ใคร คุณมักซบไปทางด้านซ้ายของอีกฝ่าย อาจเป็นเพราะนั่นคือตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจ

หากคุณ *"กอด"* เขาไว้นานเพียงพอ จังหวะการเต้นของหัวใจ 2 ดวง ก็จะเปลี่ยนเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุด
*"กอด"* คือเสื้อกันหนาวที่มีหัวใจ ?
*Hugging* is a jacket which has a heart.


ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะทำได้แทบทุกอย่าง แต่ข้อเสียของมันก็คือ ลุกขึ้นมา *"กอด"* คุณไม่ได้
Although a computer can do almost everything but certainly, it cannot give you *?a hug?*.

ถ้าวันหนึ่งไม่มีเธอให้ *"กอด"* แล้วฉันจะโทษใครได้ ?
If one day you are not here to *hug*, who else should I blame?

*"กอด"* คือ การแสดงความเป็นเจ้าของที่น่ารัก ?
*Hugging* is a cute expression between lovers.



แม้ชีวิตนี้คุณจะมีใครให้ *"กอด"* แม้เพียงคนเดียว นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการดำรงชีวิต ?
Even though you?ve got only one person in your life to *hug*, that?s enough.


*"กอด"* คือ การได้ให้และการได้รับพร้อม ๆ กัน ?
*Hugging* is at the same time, the giving and receiving.

ในอนาคต *"กอด"* อาจหายากพอ ๆ กับเวลา ?
In the near future, *?hug?* might be as hard to find as ?time?.

*"กอด"* ทำให้รู้ว่าเมื่อหัวใจอีกดวงมาเต้นอยู่ที่อกด้านขวาบ้างจะเป็นไง ?
*Hugging* displays that ?there will be a heart beat of others which keeps beating while you hug?

เมื่อคุณถูก *"กอด"* คุณจะตัวเล็กลง ?

When you are being *hugged*, you will be smaller.


แต่เมื่อคุณ *"กอด"* คนอื่น คุณจะตัวใหญ่ขึ้น ?
BUT When you *hug* someone, you will be bigger.

*"กอด"* คือคำว่า "ฉันอยู่นี่" ?
*Hugging* is ? I am here?.


*"กอด"* ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ?
*Hugging* displays that we are not alone in the planet.

ภาษาพูดแทนความรู้สึกได้ดี แต่สำหรับบางเวลา *"กอด"* อาจเป็นตัวช่วยที่ดีกว่า ?
Speaking is the good way of feeling communication but sometime *?hug?* might be a better assistance.



*"กอด"* คือ การแลกเปลี่ยน "ความลับทางอารมณ์" ระหว่างกัน ?
*Hugging* is the exchange of two people?s secret feelings and emotions.

*"กอด"* ช่วยสลายทิฐิบางอย่างในใจเรา ?
*?Hugging?* disintegrates some conviction in our minds.

บางครั้งเราไม่รู้หรอกว่าเราต้องการ *"กอด"* มากแค่ไหน จนกว่าจะได้เห็นคนอื่นเค้ากอดกัน ?
Sometime you may not realize to *hug* someone, once you observe it from others.

*"กอด"* คือ ทางสายกลางของการแสดงออกซึ่งความรัก ?
*Hugging* is a mind average of expression.

*"กอด"* คือ การเต้นรำในจังหวะเดียวกัน ?
*Hugging* is the some rhythm of heart beating.

*"กอด"* ทำให้รู้ว่ายังมีคนอ้วนกว่าเรา ?
*Hugging* defines that ?there will be someone who has more weight than you?.

วันนี้คุณกอดใครแล้วหรือยัง ?

09 กันยายน 2552

ข้อคิดดี ๆ มาแบ่งปัน

1. อย่าขับรถเร็วเกินกว่าที่เทวดาประจำตัวของคุณบินทันเป็นอันขาด

2. จงวางแผนล่วงหน้า : ฝนยังไม่ตกหรอกนะตอนโนอาห์สร้างเรือน่ะ

3. การแก้แค้นไม่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เหมือนกับดื่มน้ำทะเลเวลาหิวน้ำนั่นแหละ

4. ความหมายของความสุขขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากให้มันเป็น

5. “อย่ากลัวความฝันของคุณ : มันง่ายกว่าที่คิด”

6. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ทุกๆ 4 คน จะมีคนหนึ่งที่สติเพี้ยนๆลองเช็คเพื่อนคุณสัก 3 คนสิ ถ้าทุกคนปกติดี ก็คุณน่ะแหละ

7. แบ่งปันรอยยิ้มของคุณให้กับทุกคน แต่ให้เก็บจุมพิตให้กับคนเพียงคนเดียว

8. บางครั้งวิธีช่วยที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ก็คือ ผลักเขาแรงๆ(หมายถึงผลักดันให้เขาทำสิ่งที่ลังเลอยู่น่ะ)

9. น้ำตาจะให้คุณก็แค่ความเห็นอกเห็นใจ แต่เหงื่อจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ

10. สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้ไม่ใช่วัตถุ

11. มอบสองสิ่งให้กับลูกของคุณ อย่างหนึ่งคือรากฐานที่มั่นคง อีกอย่างก็คือ ปีกที่จะบินออกไปเอง

12.การออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับจิตใจคือการก้มลงแล้วช่วยคนอื่นให้ลุกขึ้น

13. คนคนหนึ่งอาจทำอะไรผิดพลาดได้หลายอย่างแต่มันจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ไปจริงๆ เมื่อเขาเริ่มโยนความผิดไปให้คนอื่น

14. เพื่อนแท้คือคนที่เชื่อว่าคุณเป็นฟองไข่ที่สมบูรณ์แม้ว่าจริงๆแล้วคุณจะมีรอยร้าวไปแล้วครึ่งหนึ่ง

15. นี่คือวิธีที่จะรู้ว่าหน้าที่ของคุณบนโลกใบนี้จบสิ้นแล้วหรือยัง :ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ มันก็ยังไม่จบ

16. ชีวิตเรียนรู้ได้จากการย้อนระลึกถึง แต่ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า

17. การใช้ชีวิตอยู่บนโลกนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมากแต่เราก็ได้เดินทางรอบดวงอาทิตย์ฟรีๆเป็นของแถม

18. ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มนุษย์เราจะร่ำรวยความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อความร่ำรวย เริ่มครอบครองมนุษย์

19. เรารู้สึกดีที่มีความสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเป็นคนดี

20. มีแต่ปลาตายที่ลอยตามน้ำ

21. คุณค่าของคนคนหนึ่งบอกได้จากวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนที่เขาไม่ต้องการ

22. เงยหน้าขึ้นรับแสงตะวัน แล้วคุณจะไม่มีวันพบกับเงามืด -เฮเลนเคลเลอร์

23. คนอ่อนแอเท่านั้นที่ให้อภัยใครไม่เป็นการให้อภัยเป็นคุณสมบัติของผู้เข้มแข็ง

24. คำว่า listen (ฟัง) นั้นใช้ตัวอักษรชุดเดียวกับคำว่า silent (เงียบ)

25. ไม่มีผู้โดยสารบนยานอวกาศที่ชื่อว่า “โลก”พวกเราทุกคนล้วนแต่เป็นลูกเรือทั้งสิ้น

26. ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรามีแต่เพื่อนที่เรายังไม่ได้พบเท่านั้น

27. เมื่อคุณพูดความจริง คุณไม่จำเป็นต้องไปนั่งจำอะไรทั้งนั้น

ที่มา : fwd

07 กันยายน 2552

โทรศัพท์มือถือช่วยชีวิต


1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก

ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลยแต่มีเหตุด่วนเหตุร้ายให้กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติแม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์ นี้ได้ ทีนี้เราก็รอดตายแล้วค่ะ

2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ... สำหรับรถที่ใช้ Remote Key

ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้านให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขาให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรองในขณะที่เราถือมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต (คนที่อยู่บ้านที่เราวานให้กดต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่ม) ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเองระยะทางไม่มีปัญหาแม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กม. ก็ตาม

3. กรณีแบ็ตใกล้จะหมด *3370# สำหรับมือถือ Nokia

ถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มทีจนใกล้ดับแต่เราจำเป็นต้องโทรออกให้กด*3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่าเพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไป

4. ถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป

ในกรณีนี้เราต้องใช้หมายเลข serial numberประจำเครื่อง ซึ่งมี 15-17 หน่วยการที่จะทราบหมายเลขนี้กด *#06#แล้วหมายเลขประจำเครื่องก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกลจดไวแล้วเก็บไว้ให้ดี....ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่นให้โทรไปที่ศูนย์แล้วแจ้งหมายเลขให้เขาไปเขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้แล้วทีนี้มือถือที่หายไปจะใช้ไม่ได้อีกเลยถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน sim card มันก็จะยังใช้ไม่ได้อยู่ดีแบบนี้สะใจดีค่ะโดยเฉพาะพวกที่ชอบโขมยมือถือ
ที่มา : teenee.com

ผู้ชายดี ๆ ที่ควรมองข้าม


ภายใต้สังคมสมัยใหม่ที่ลึกลับและสลับซับซ้อน การเลือกผู้ชายสักคนมาเป็นคู่รักคู่ชีวิต ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ มีผู้ชายไม่ดีที่ผู้หญิงต้องระวังอยู่มากมายหลายประเภท อาทิ ผู้ชายเจ้าชู้ ผู้ชายหลายใจ ผู้ชาย นอกจากผู้ชายไม่ดีที่ผู้หญิงต้องระวังแล้ว ในโลกยุคใหม่นี้ยังผู้ชายดี ๆ ที่ผู้หญิงพึงต้องระวังอีก เขาเป็นใคร คือคนที่ใช่และใกล้ตัวหรือเปล่า!!!!

ผู้ชายไม่ยอมโต

ผู้ชายที่ไม่ยอมโต สังเกตง่าย ๆ เขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยน นุ่มนวล มีความประนีประนอมสูง เป็นคนรักครอบครัว รักพ่อแม่พี่น้อง เป็นคนที่เชื่อฟังพ่อแม่และ การตัดสินใจไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ มักจะมีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญตัดสินใจให้เสมอมา เป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเองน้อย ขาดความเป็นผู้นำ เพราะอยู่บ้านพึ่งพ่อแม่ ออกสังคมพึ่งเพื่อนฝูง ถ้าแต่งงานก็พึ่งภรรยา แต่เป็นคนน่ารัก น่าเอ็นดู สนุกสนาน การมีเขาอยู่ข้างกายก็เหมือนมีเด็กซน ๆ คนหนึ่งอยู่เคียงข้าง ผู้ชายไม่ยอมโต อาจจะไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของผู้หญิงหลาย ๆ คน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนอบอุ่น จริงใจ ไม่หลอกลวง หากคุณกำลังคบหาดูใจกับใครสักคน แล้วบังเอิญเขาเข้าข่ายเป็นผู้ชายไม่ยอมโต คุณก็ต้องทำใจและเตรียมใจ ถ้าแต่งงานกับเขา ก็เหมือนแต่งงานกับคนทั้งครอบครัวเขา พ่อแม่ของเขาก็ยังคงเข้ามาดูแลเขา ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าคู่อื่น ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาจริง ๆ อาจจะไม่ได้อยู่ที่ตัวฝ่ายชาย แต่อยู่ครอบครัวของฝ่ายชายมากกว่า วิธีแก้ไขก็ไม่ยาก นั่นคือ ไปตั้งรกราก สร้างงาน สร้างครอบครัวใหม่ ให้ไกลแสนไกลจากครอบครัวเดิมของเขา

ผู้ชายบ้างาน

ผู้ชายบ้างาน ส่วนใหญ่เป็นคนมีความทะเยอทะยานสูง รักความเจริญก้าวหน้า มีความเป็นผู้นำ มั่นใจในตัวเอง ไฟแรง รอบรู้ มักประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม มีอนาคตสดใส เป็นผู้ชายในอุดมคติของหญิงสาวเกือบทุกคน แต่ ผู้ชายบ้างาน วันทั้งวันทำแต่งาน ไม่เคยมีวันว่าง ไม่เคยมีวันหยุดยาว ไม่เคยมีวันที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว การแต่งงานของเขาอาจจะไม่ได้มาจากความรักล้วน ๆ แต่มาจากความเหมาะสม และเพื่อสถานะทางสังคม หากคุณกำลังคบหาดูใจกับใครสักคน แล้วบังเอิญเขาก็เข้าข่ายหรือเป็นผู้ชายบ้างาน คุณก็มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น คือ ทำใจและยอมรับ หรือไม่ก็ยอมรับและทำใจ เพราะการที่จะไปเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนใจ เปลี่ยนวิถีชีวิตของเขา เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว หรือถ้าจะเลิกคบกัน แล้วปล่อยให้เขาหลุดมือไป ก็ถือว่าน่าเสียดาย เพราะจริง ๆ แล้วผู้ชายบ้างานก็มีข้อดีมิใช่น้อย ผู้ชายที่มีโลกส่วนตัว ผู้ชายที่มีโลกส่วนตัว ส่วนใหญ่ เป็นคนน่าค้นหา มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สุขุม ลุ่มลึก พูดน้อย ใจเย็น เป็นมิตร ช่างคิด ช่างฝัน ช่างจินตนาการ ผู้ชายที่มีโลกส่วนตัว มักอยู่กับอดีตเก่า ๆ ที่ผ่านพ้นไปแล้วเป็นคนที่ไม่มีใจให้ปัจจุบัน ชอบคิดถึงแฟนเก่า เพื่อนเก่า ความรู้สึกเก่า ๆ หรือไม่ก็ใฝ่ฝันถึงผู้หญิงในอุดมคติหรือความรักที่ไม่มีวันเป็นจริง

ผู้ชายที่มีโลกส่วนตัว

ชื่นชอบกิจกรรมที่ทำคนเดียว เช่น ท่องอินเตอร์เน็ต เขียนและอ่านอีเมล อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบา ๆ นอนดูหนังแผ่นเรื่องโปรดอยู่กับบ้าน อาการของโรค "มีโลกส่วนตัวสูง" หรือการมีรสนิยมส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร เช่น ชอบฟังเพลงเฉพาะกลุ่ม ซึ่งคนทั่วไปฟังยังไงก็ไม่เพราะ ชอบดูหนังนอกกระแสที่นักวิจารณ์ชื่นชมแต่คนดูหนังทั่วไปดูไม่รู้เรื่องหรือการชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว การที่ใครสักคนหนึ่งมีโลกส่วนตัวสูง อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องเลวร้าย แต่เป็นเรื่องที่น่าน้อยใจ น่าหงุดหงิด น่ารำคาญ มากกว่า แต่คุณจะรับได้หรือไม่ ก็ไม่รู้ ถ้าได้รู้ว่า ในโลกส่วนตัวของเขาไม่เคยมีคุณ

ผู้ชายสีม่วง

ผู้ชายสีม่วง เป็นคำที่ใช้เรียกผู้ชายที่รักผู้ชายด้วยกัน และถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่เขาจะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยรสนิยมทางเพศนี้ให้สังคมได้รับรู้ ผู้ชายสีม่วง ส่วนใหญ่เป็นคนเก่ง เฉลียวฉลาด เชื่อมั่นในตัวเอง ทันสมัย มีหัวศิลปะ มีรสนิยม อ่อนไหว อ่อนโยน โรแมนติค พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน รักความสวยงาม ความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังเป็นคนรักษาสุขภาพ รักษาหุ่น ดูแลผิวพรรณ ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยรวม ๆ ถือว่าเป็นชายหนุ่มที่ดูดีมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นเทพบุตรในฝันของหญิงสาวหลาย ๆ คน ผู้ชายสีม่วง ส่วนใหญ่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง เขามีโลกของเขา มีทางเดินของเขาเองแต่ฝ่ายผู้หญิงเองต่างหากที่ไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นฝ่ายที่ไปทึกทัก รักเขาข้างเดียว โดยที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ฝ่ายชายอาจจะคิดคบหล่อนในฐานะเพื่อนสาวแต่ฝ่ายหญิงตั้งความหวังไว้ที่สามีในอนาคต ผู้ชายสีม่วงข้อดีมีมากมาย แต่ข้อเสียก็ยากเกินกว่าจะรับได้ นั่นคือ เขาไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว

ผู้ชายไม่แต่งงาน

ผู้ชายไม่แต่งงาน หมายถึง ผู้ชายที่พร้อมทุกอย่างทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ ตำแหน่งหน้าที่การงาน และฐานะการเงิน แต่ไม่คิดจะแต่งงาน ผู้ชายไม่แต่งงาน ส่วนใหญ่เป็นคนอารมณ์ดี มีความสุขกับชีวิต ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น รักบ้าน รักครอบครัว มนุษยสัมพันธ์ดี มีความเป็นมิตร มีความจริงใจ ไม่คิดเอาเปรียบใคร ไม่หลอกลวง ไม่โป้ปดมดเท็จกับใคร เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลาย ๆคน และเชื่อว่า ถ้าเขาคิดจะแต่งงาน เขาก็คงแต่งงาน มีครอบครัว มีลูกไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เขาจะได้มาพบเจอกับคุณ ผู้ชายที่ไม่แต่งงาน ส่วนใหญ่ไม่ได้มีสาเหตุมาจาก อกหัก ผิดหวัง ซึ่งสาเหตุจริง ๆ ที่เขาไม่อยากแต่งงานนั้น น่าจะมาจากแนวคิดที่ว่า อยู่คนเดียวก็ได้ ผู้ชายไม่แต่งงาน มีข้อดีมากมาย สาธยายไม่หมด แต่ข้อเสียมีอยู่ข้อเดียวและเป็นข้อที่ผู้หญิง ส่วนใหญ่รับไม่ได้แน่นอน นั่นคือ "เขาไม่ยอมแต่งงาน"

ที่มา : teenee.com

ศัพท์สยาม..เดิ้น เดิ้น แบบเทรนดี้จะได้ไม่เอ้าท์

คำศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้ เขามีศัพท์อะไรบ้างมาดูชมกันเหอะ แบบชิว ชิว ไม่คิดมาก ^/^

ขั้นเทพ ................ เก่งมาก

เข้าวิน ................. อาการ กกน. เข้าร่องค่ะ T//////Tโอ้วว!

เกรียน ................. นิสัยไม่ดีสุดๆ + ถ้าเจอให้ตบทันที

โอโม่ ...................ใช้เรียกผู้หญิงที่ขาวมาก ๆ

งานเข้า..................ได้เรื่อง หรือ มีเรื่องเดือดร้อนเข้ามา

ติดหรู.................... ไฮโซ

จิตตก ................... สติเเตก

ซะงั้น ................... อ้าว ไงล่ะ

นี่หรือเมืองพุทธ ........ ปลงจนทำรัยไม่ถูก

เด้ง......................หน้าขาว

วัยรุ่นเซ็ง ...............ไม่ได้ดั่งใจตัวเองหรือว่า เซ็งไง แต่พูด

ซับแหมน ...............เหมือน HI! ไง ก้อ ทักทาย อ่า

MOdIfY ..........ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ตรงตัวมากเรย

ป๊อด .................... ปอด หรือว่า ขี้กลัวอะ หรือ ประมาณ ว่าไม่กล้า

เซอ.......................ติดดิน ง่ายๆ แล้วแต่ งัยก้อได้ ไม่เลิศไม่หรู เป็นคนสบายๆ เหมือนสมถะไง

เหนี่ยว ..................ต่อย ทำร้ายร่างกาย

เด็กแนว ................ เด็กที่ชอบทำตัวตามกระแส

เซด ...................... พูด

สาวก .................... แฟนพันธ์แท้ หรือว่า แฟนคลับ

ทำเนียน ................. ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นพวกเดียวกัน ทำตัวกลมกลืน

นอย ......................มาจากพารานอย ก้อคือ วิตกกังวลไง

ชิว ชิว................... ทำนองดูเบลอๆ ลอยๆ

เอ้าท์..................... เชย ตกกระแส โอ๊ย ไม่ไหวๆ

GeT ..................เข้าใจ อันนี้คงได้ยินบ่อยแล้วสินะ

FakE ............... โกหก ตรงตัว

เทรนดี้ ...................อินเทรน ทันกระแส ตามกระแส และก้อ ล้ำ มากๆด้วยแหละเทอร์

05 กันยายน 2552

เหตุผลที่ควรดีใจเมื่ออายุใกล้ 30 (555+)

เหตุผลที่ควรดีใจเมื่ออายุใกล้ 30 หรือ 30 ไปแล้ว...โดนมากๆ

1. เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง จะพูดจะคิดจะรู้สึก 'ก็ฉันเป็นอย่างนี้นะ' เธอไม่ชอบก็เรื่องของเธอสิ อาการแบบนี้จะเกิดขึ้นเสมอ ๆ

2. อารมณ์ฮอตระอุไม่รู้มาจากไหน แค่เห็นรูป หนุ่ม ๆ กล้ามงาม ๆ ตาอ้อน ๆ ก็หวิวไปทั่วร่างแล้ว ยืนยันว่าวัยเลขสองไม่เป็นแน่นอน

3. เริ่มเก็บเงินซื้อรถ และเลยไปถึงซื้อบ้าน

4. หนุ่ม ๆ เกือบทั้งนั้นอยากเดทกับคุณเพราะเขาบอกว่า 'คุณคุยได้ทุกเรื่อง'

5. ก็ในเมื่อมันเลยเลขสามมาแล้ว ทำไมจะต้องกลัวว่า 'ฉันจะได้แต่งงานมั้ยเนี่ย ' อีกล่ะ ความคิดคุณจะเปลี่ยนเป็น แต่งก็ได้ ไม่แต่งก็ได้แล้วกัน

6. คุณจะเป็นคนดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรื่องไม่ดี มันทำมาหมดแล้ว

7. สามารถไปเที่ยวต่างจังหวัดค้างคืนกับแฟนได้ โดยไม่ต้องโกหกแม่ ถ้าแม่ว่า คุณจะจบลงด้วยประโยคว่า 'หนูสามสิบแล้วนะแม่ ' แล้วก็เดินเข้าห้องไปเก็บกระเป๋า

8. เปลี่ยนจาก ดูหนัง ช็อปปิ้ง วันเสาร์-อาทิตย์ กับเพื่อนสาว เปลี่ยนเป็น เราไปทำบุญ 9 วัดกันเถอะเธอ

9. กีฬาโหด ๆ บ้าคลั่ง ๆ ที่คุณไม่เคยกล้าทำ อย่างขี่เจ็ทสกี ปีหน้าผา..มา!ฉันจะทำให้หมดเลย! ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วนี่!

10. สิวที่เคยขึ้นในวัยยี่สิบ มันหายไปจริง ๆ คุณหน้าเกลี้ยงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

11. เริ่มอัพเกรดตัวเองจากเที่ยวพัทยา หัวหิน มาเป็น มัลดีฟส์บ้าง ฮ่องกงบ้างล่ะ

12. ประโยคฮิตติดปากคุณจาก 'ทำไมถึงทำอย่างนั้นกับฉัน ' จะเปลี่ยนเป็น 'ก็เรื่องของเธอแล้วกัน'

13. ผู้ชายคนนั้นที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง งี่เง่า และไม่เคยซื้อของดี ๆ ให้คุณเลย คุณยัง 'ทน'คบได้...ก็เขาก็เป็นอย่างนี้ของเขาแหล่ะ

14. ขี้เกียจ... เข้าใจ... และปลง เป็นทางออกที่ดีที่สุด

15. ไม่มีใครในโลกนี้โกหกคุณได้อีกแล้ว คติของคุณคือ 'ความชัดเจน' จะมาต้องประดิษฐ์หาข้ออ้างโกหกโน่??นี่ หาพระแสงอะไรไม่ทราบ

16. เอายังไงก็เอา ไม่คบก็ไม่เป็นไร คบก็คบกันแล้วดี ๆ ต่อกัน ถ้าจะไม่ดีกับฉัน ก็ไป ไม่ต้องมาคบ คือสโลแกนประจำใจ เวลาหนุ่มคนไหนดูท่าว่าเหมือนจะอยากมีความสัมพันธ์กับคุณ

17. ขนาดปารีส ฮิลตันที่ผู้หญิงทั้งโลกหมั่นไส ้ แต่เมื่อเข้าเลขสาม คุณจะมองเธออย่างสงสารแทน โถๆๆๆๆๆ หนูจ๋า เหนื่อยไหมนั่นน่ะ..

18. เปลี่ยนจากซื้อสร้อยลูกปัดพลาสติก เป็นสร้องทองคำของจริง!

19. เปลี่ยนจาก รูดหมูปิ้งข้าวเหนียวมื้อเช้า เป็น แครอทสดกับน้ำมะเขือเทศ!

20. คุณหัวเราะเสียงดังกระจายในร้านอาหารกับเพื่อนสาว ได้อย่างไม่สนใคร จะมีแค่คนหันมามองคุณ แล้วนึกเอ็นดูว่า ดูสิผู้หญิงเหล่านี้เขามีความสุขจังเลยนะ

02 กันยายน 2552

6 วิธีสร้างกายและใจให้มีความสุข

สังคมสมัยนี้เต็มไปด้วยการแข่งขัน ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยมีปัญหาด้านความเครียดและความไม่สบายใจตามมา เมื่อเกิดความเครียดและภาวะที่จิตใจไม่สบาย ทำให้อีกสารพัดโรคพาเหรดกันถามหาคุณโดยมิได้นัดหมาย เป็นเรื่องยากที่จะสามารถหลีกหนีปัญหาหรือความเครียดรอบๆ ตัวไปได้

แต่ก็มีอีกหลายวิธีที่ช่วยให้คุณผ่อนหนักเป็นเบาได้ เริ่มต้นจากการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในใจของคุณก่อน เพราะเมื่อจิตใจเป็นสุขจะสามารถรับมือกับสารพัดปัญหารอบตัวได้เป็นอย่างดี Men’s Health ฉบับนี้ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้จิตใจมีความสุข เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้คุณ

อย่าติดอุปกรณ์สื่อสารมากเกินไป

ปัจจุบันมีอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่สะดวกสบายขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น การใช้อุปกรณ์แบล็คเบอร์รีที่สามารถเช็คอีเมลได้ทุกที่ทุกเวลา อย่างไรก็ตามการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างพร่ำเพรื่อ บางครั้งอาจทำให้คนรอบข้างคุณไม่สบายใจ กรณีที่คุณมีประชุมงานสำคัญ แต่คุณกลับสนใจกับอุปกรณ์มือถือมากกว่าบทสนทนาในการประชุม จนก่อให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่าเทคโนโลยีสื่อสารอันทันสมัยกำลังทำลายบรรยากาศการทำงาน ไม่เพียงเท่านั้นยังพลอยทำให้คนรอบข้างอารมณ์เสียตามไปด้วย

ทอม มัสแบ็ก บรรณาธิการบริหารอาวุโส ยาฮู! ฮอตจ็อบส์ บอร์ดหางานออนไลน์ ได้ทำการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถาม 1 ใน 3 จากกว่า 5,000 คน โดยพวกเขาเผยว่า เช็คอีเมลระหว่างการประชุมอยู่บ่อยๆ ในการสำรวจยังพบว่า อุปกรณ์อย่างแบล็คเบอร์รีทำลายสมาธิ และนำไปสู่การสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน เนื่องจากคนไม่สนใจงานของตัวเอง ในงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งของ ฮอตจ็อบส์ ยังระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 1 ใน 5 บอกว่า ถูกตักเตือน เพราะใช้อุปกรณ์ไร้สายไม่รู้จักเวลา

ขยันทำงานช่วยให้กาย-ใจ แข็งแรง

ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า มีงานเยอะดีกว่าไม่มีงานทำยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ ใครมีงานทำก็ถือว่าโชคดีแล้ว แม้ว่าคุณจะบอกว่างานที่ทำอยู่เครียด แถมงานก็เยอะขึ้นทุกวัน แต่ถ้าลองคิดให้ดี การไม่มีงานทำเลยจะยิ่งเครียดกว่าหลายเท่าตัวนัก เพราะจะมีสารพัดปัญหารุมเร้าเข้าหาคุณทันที

บางคนที่ถูกปลดออกจากงานเนื่องจากพิษเศรษฐกิจทำให้สุขภาพกาย สุขภาพใจเขาแย่ลงโดยไม่รู้ตัว ผลการศึกษาล่าสุดจากคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่ถูกปลดออกจากงานอย่างกะทันหันมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น เคต สตัลลี นักวิจัยบอกว่า ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันการตกงานเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเกิดได้กับทุกคนและส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาตามมา

ผู้ที่ถูกปลดออกจากงานสุขภาพจะแย่ลง โดยเฉพาะคนที่เคยสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์มาโดยตลอด เมื่อโดยปลดออกจากงานแล้วกลับพบว่าสุขภาพเสื่อมลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มที่มีสุขภาพปานกลางหรือไม่ค่อยดีนัก ขณะที่ศาสตราจารย์เดวิดวิลเลียมส์ จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอกว่า ยุคนี้ไม่ใช่ว่าเราจะเน้นการดูแลสุขอนามัยอย่างเดียว แต่ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าผลกระทบจากการตกงานส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาวของเรา

เบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาชั่วคราว

ไม่ได้แนะนำให้คุณวิ่งหนีปัญหา แต่เมื่อสารพัดปัญหาประเดประดังเข้ามาจนทำให้คุณเครียด บางคนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อคุณยังแก้ปัญหาไม่ตกในขณะนั้น แนะนำให้คุณพาตัวเองไปทำอย่างอื่นก่อน เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนที่ชายทะเล หรือนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ แล้วค่อยหาทางแก้ปัญหาใหม่งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การหันเหความสนใจไปจากปัญหาชั่วคราว จะทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้นในการตัดสินใจกับปัญหาเฉพาะหน้า

เดวี เลอรูจ ศาสตราจารย์ด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยทิลเบิร์กในเนเธอร์แลนด์ได้ทำการวิจัยเรื่องนี้เพราะต้องการหาคำตอบว่าการหันแหสมาธิจากการที่ต้องตัดสินใจอย่างกะทันหัน เพื่อประเมินข้อดีและข้อเสียของผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (เป็นตัวอย่างสิ่งของที่นำมาให้กลุ่มตัวอย่างทดสอบ)

เขาบอกด้วยว่าการเบี่ยงเบนความสนใจจากการตัดสินใจต่อเรื่องเฉพาะหน้า โดยหันไปทำอย่างอื่นแทนจากนั้นค่อยมาตัดสินใจในเรื่องนั้นอีกครั้งพบว่า พวกเขามีกระบวนการคิด การตัดสินใจที่แยบยลมากยิ่งขึ้น และสามารถชี้ให้เห็นอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า ผลิตภัณฑ์ที่นำมาทดสอบนั้นมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง ปล่อยให้ตัวเอง

ฝันกลางวันเสียบ้าง

การฝันกลางวันไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นเป็นคนเลื่อนลอยหรือเพ้อฝันไปวันๆ หนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วการฝึกตัวเองให้ฝันกลางวันเสียบ้างก็เป็นผลดีกับสมองของคนเรา เนื่องจากมีผลการวิจัยบ่งบอกว่าขณะที่ความคิดของเราล่องลอยไปนั้นสมองจะทำงานควบคู่ไปด้วย เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญหน้าในชีวิตประจำวัน

เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยได้สแกนสมองของอาสาสมัครที่นอนอยู่ภายในอุปกรณ์ที่สร้างด้วยสนานแม่เหล็กไฟฟ้า พบว่าสมองของเราจะทำงานหนักขึ้น เพื่อขบคิดปัญหาระหว่างที่เราฝันกลางวัน และยังพบว่าสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนสูง มีการทำงานหนักเช่นกัน ผลการศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ผลการวิจัยยังระบุด้วยว่าการฝันกลางวันอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่าการพยายามบีบคั้นความคิดเพื่อให้ได้คำตอบต่อการแก้ไขปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างกะทันหัน

คาลินา คริสทอฟฟ์ นักวิทยาศาสตร์ด้านระบบประสาท ผู้อำนวยการห้องวิจัยของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียในแคนาดา ซึ่งร่วมทำงานวิจัยครั้งนี้บอกว่าคนทั่วไปมักคิดไปเองว่าคนที่ใจลอย ฝันกลางวันไปเรื่อย มักเป็นพวกจิตว่าง ซึ่งจากการศึกษาล่าสุดได้ผลออกมาในทางตรงกันข้าม กล่าวคือระหว่างที่ดูเหมือนล่องลอยอยู่นั้น สมองของเราจะทำงานหนักกว่าเดิมเสียอีก คนที่ปล่อยให้ตัวเองฝันกลางวันจะสามารถนำความคิดที่อยู่ในสมองออกมาใช้งานได้มากกว่า

นอนตื่นสายบ้างในวันหยุด
ผมไม่ได้แนะนำให้คุณเป็นคนนอนกินบ้านกินเมืองนะครับ แต่อยากบอกคุณว่าในช่วงวันสุดสัปดาห์ หรือช่วงที่ลาพักร้อน และคุณไม่ได้มีธุระที่ไหน แนะนำว่าให้คุณหาเวลาไว้สำหรับการนอนตื่นสายบ้าง เพราะมีผลการวิจัยที่ทำโดยการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างระบุว่าการหาเวลานอนตื่นสายบ้างจะช่วยให้สมองของคุณปลอดโปร่ง ขบคิดปัญหาอะไรก็ง่ายขึ้น นักวิจัยได้นำคนสองกลุ่มมาเปรียบเทียบกันโดยการมอบหมายภารกิจที่ใช้วัดปฏิกิริยาการตอบสนอง โดยระหว่างการทดลอง อาสาสมัครจะเข้านอนและตื่นตามเวลาปกติ พบว่าพวกที่นอนหัวค่ำมีแนวโน้มตื่นก่อนคนนอนดึก 4 ชั่วโมง

ผลการทดลองยังพบว่า อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มปฏิบัติภารกิจได้ดีพอๆ กัน หลังตื่นนอนได้ไม่นาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 9 ชั่วโมงแล้ว ผลปรากฏว่าคนที่นอนดึกแต่ตื่นสายจะทำภารกิจได้เร็วกว่าและมีปฏิกิริยาตื่นตัวที่ดีกว่า ดร.ฟิลิปเป เปโนช์ จากมหาวิทยาลัยแลจในเบลเยียม ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยครั้งนี้เปิดเผยว่า แม้ทั้งสองกลุ่มจะตื่นนอนมานานพอๆ กัน แต่ดูเหมือนว่าคนที่นอนแต่หัวค่ำจะรู้สึกง่วงมากกว่า ซึ่งจากการสแกนสมองพบว่าสมองส่วนที่เชื่อมโยงกับความสนใจสิ่งรอบตัวของพวกเขาเริ่มทำงานลดลงแล้ว

มอบความรักให้แก่กัน

ว่ากันว่าความรักเหมือนเป็นยาขนานเอกที่ช่วยเติมเต็มชีวิตให้มีความสุขและจิตใจพองโต ความรักยังเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้บุคคลนั้นมีพลังในการทำงานและใช้ชีวิต งานวิจัยจากเว็บไซต์ confetti.co.uk เปิดเผยข้อมูลว่าทีมนักวิจัยได้สอบถามสามีภรรยาประมาณ 3,000 คู่ เกี่ยวกับเคล็ดลับในการครองเรือนและสรุปผลออกมาว่า หลังแต่งงานแล้วสามีภรรยาควรบอกรักกันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง มีเพศสัมพันธ์กัน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กินข้าวด้วยกันภายใต้บรรยากาศโรแมนติกเดือนละ 2 ครั้ง และนอนอิงแอบแนบชิดกันบนโซฟาที่บ้านสัปดาห์ละ 3 คืน

ทีมนักวิจัยบอกด้วยว่าการโทรศัพท์หากันวันละ 3 ครั้ง ส่งอีเมล หรือส่งข้อความระหว่างอยู่ที่ทำงานจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มั่นคง แม้ว่าคุณทั้งสองจะมีงานอดิเรกที่ทำร่วมกันแล้วก็ตาม แต่ต่างฝ่ายควรมีเวลาส่วนตัวบ้าง เช่น ออกไปเที่ยวกับเพื่อนของตัวเองเดือนละ 2 ครั้ง นักวิจัยกล่าวว่า การมีลูกหลังจากแต่งงานกันสองปังจะช่วยประคับประคองอารมณ์โรแมนติกของคนทั้งคู่ให้ยั่งยืนได้อีกด้วย

ที่มา : kapook.com