14 ธันวาคม 2552

คิดบวก รู้จักพอ


คำของอี้หมิงที่กล่าวเอาไว้ว่า
"สำหรับผู้ที่รู้จักพอ แม้จะยากจนข้นแค้นก็ยังมีความสุข ผู้ที่ไม่รู้จักพอแม้จะร่ำรวยมียศถาบรรดาศักดิ์ก็ยังมีความทุกข์"


หากต้องการมีความสุข จะต้องมีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเป็นและมีอยู่
สามารถชื่นชมกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่คิดน้อยใจหรือคิดว่าตนเองต่ำต้อยด้อยค่า


ผู้ที่จะมีความสุขได้นั้นคือผู้ที่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี
ขอเพียงแต่มีความพยายามในการทำให้ประสบความสำเร็จก็เพียงพอ
ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับสิ่งที่ไม่สามารถจะหามาได้ และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด


ไม่หวังผลเลอเลิศจนเกินความสามารถของตนเอง
รู้จักกำหนดขอบเขตของความปรารถนา


สิ่งใดที่ควรได้ควรมี ก็จงพยายามทำให้สำเร็จ
สิ่งใดเกินกำลัง ก็จงยอมรับว่าแม้ยังไม่สามารถไขว่คว้ามาได้ ก็จะหาหนทางในคราวต่อไปเมื่อโอกาสมาถึงพร้อม


และที่สำคัญก็คือ
อย่าหาทุกข์ใส่ตัว ใช้ชีวิตอย่างราบเรียบสมถะ มีความขยันอดทน
และไม่อายทำกิน อย่าก่อหนี้ก่อสินเพิ่มขึ้นดั่งพุทธภาษิตสอนใจให้คิดว่า


"เข้านอนโดยไม่มีอาหารค่ำ ดีกว่าตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีหนี้สิน"
เพราะการมีหนี้สินมากเกินไป อาจสร้างปัญหาในระยะยาว จนไม่อาจจะลืมตาอ้าปากได้ในโอกาสต่อไป

ที่มา : teenee.com

07 ธันวาคม 2552

สติ๊กเกอร์หลังรถสิบล้อ


- บินได้ ตูบินไปแล้ว


- อย่าดื่มเหล้าขณะขับรถ เพราะจะทำให้เหล้าหกเสียของ


- การขับรถทำให้ประสิทธิภาพในการดื่มสุราน้อยลง


- คำเตือน "ห้ามดื่มสุรา ขณะมึนเมา"


- เมาไม่ขับ จะกลับยังไง


- เมาเหล้าเสียหลัก เมารักเสียใจ


- เมาไม่ขับ เพราะกลับไม่ถูก


- ถนนคือการศึกษา ใบสั่งคือปริญญา


- รถติดคือมรดกไทย อนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลาน


- เศษแก้วมันบาดคน คำพูดของเศษคนมันบาดใจ


- ถึงจะขับ 10 ล้อ แต่ก็ได้หมอเป็นเมีย


- เหงื่อทุกหยด เพื่ออนาคตน้องเมีย


- จำกัดความเร็ว 180 กม./ 3 ชั่วโมง


- จ่ายเฉพาะด่านรู้ใจ


- อยู่บ้านเมียด่า ออกมาจ่าจับ


- ถ้ารีบ ทำไมไม่ไปตั้งแต่เมื่อวาน


- เห็นตูเป็นลาว จับเช้า จับเย็น


- ห้ามยกเล่น


- กินลูกเดียว เที่ยวสองลูก


- ใช้หนีราชการเท่านั้น


- รถจะขับ...โทรศัพท์ก็จะคุย..ถุยย


- ใช้ในราชการ (ก็) เท่านั้น


- อย่าโบกเลยจ่า พกมาแค่สองร้อย


- ขออภัย รถคันนี้ไม่มีเบรค


- คันเร่งอยู่ไหนวะ!!!


- หัวล้านห้ามแซง


- อดีตเคยแรง


- ขับเร็วชิดซ้าย ขับไวชิดขวา


- ทุกอย่างดังหมด ยกเว้นเครื่องเสียง


- อุบัติเหตุป้องกันได้ ถ้าให้เธอนั่งข้าง


- เหยียบเบรกคิดถึงเมีย เข้าเกียคิดถึงเธอ


- แอบแซง เพราะแรงน้อย


- โกรธอ๊ะป่าววว ถูกรถเก่าแซง


- วันนี้ไม่แรง ให้แซงไปก่อน


- มือใหม่หลบไป มือเก่าจะแซง


- หมาเห่ายังบุบ


- ไม่มีท่านเราอด ไม่มีรถท่านเดิน


- นางฟ้าอยู่ในรถ แม่มดอยู่ที่บ้าน


" ยาบ้ามันขม ดูดนมดีกว่า "


" ตากแดดตากลม เพราะ( . )( . )สองเต้า "


" เห็นงานเป็นลม เห็นนมสู้ตาย "

ข้อคิดท่าน ว.วชิรเมธี รายการวู้ดดี้


เชื่อว่า เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 ต.ค.) หลาย ๆ คน ที่ได้รับชมรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย คงได้ความประทับใจ และอิ่มเอมใจจากคำตอบ คำสอน แนวคิดคม ๆ ของท่าน ว.วชิรเมธี แน่นอน เพราะหลาย ๆ คำพูดของท่านเรียบง่าย สั้น ๆ ได้ใจความ คมกริบ บาดลึก กินเข้าไปในจิตใจหลาย ๆ คน และเชื่อว่าหลาย ๆ คน คงอยากได้สดับรับฟังคำสอนอันคมคายเหล่านั้นอีกครั้ง วันนี้กระปุกดอทคอมเลยไม่พลาดที่จะรวบรวมหนึ่งในหลายร้อยคำสอนดี ๆ ของท่าน ว.วชิรเมธี ที่ท่านได้กล่าวในรายการ มาให้ได้อ่านกันค่ะ

เริ่มต้นด้วยคำถามแรก ซึ่งก็คมกริบตามสไตล์วู้ดดี้เกิดมา (เพื่อ) คุยจริง ๆ กับคำถามที่ว่า มีหลายคนบอกว่า วู้ดดี้ไม่เหมาะกับการสัมภาษณ์พระภิกษุ ซึ่งท่าน ว.วชิรเมธี ก็ตอบกลับไปได้อย่างคมคายว่า เอาอะไรมาวัดว่าไม่เหมาะสม บางครั้งการเป็นพระ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้เสมอ บางครั้งที่ท่านรับชมรายการ ท่านบอกว่าให้ข้อคิดที่ดีกว่าพระบางรูปเทศน์เสียอีก ซึ่งหากก้าวข้ามรูปลักษณ์ เจาะเข้าไปที่เนื้อหา เราก็จะเห็นความเหมาะสมเอง

เมื่อคุณวู้ดดี้ถามต่อว่าการเดินทางไปไหว้พระ เข้าวัดเข้าวา ตามที่คนว่าดังบ้าง ศักดิ์สิทธิ์บ้าง ท่านก็ตอบกลับด้วยคำสอนดี ๆ ว่า “ไหว้พระตามแนวพุทธ ไหว้ด้วยใจ มีคนชวนเข้าวัด เป็นบุญมากดีกว่าชวนเข้าผับเข้าบาร์ ซึ่งจะทำให้เกิดทุกข์ทีหลัง” ทำเอาคุณวู้ดดี้ถึงกับอ้าปากค้าง และท่าน ว.วชิรเมธี ก็สอนกลับมาอีกครั้งว่า
คนก็เหมือนผลไม้ มีสุข(สุก) ก็ต้องมีทุกข์(หง่อม) เหมือนผลไม้นั่นเอง

และในระหว่างที่ ท่าน ว.วชิรเมธี เดินนำชมสถานที่ปฏิบัติธรรมของท่าน คุณวู้ดดี้ ก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจและได้ถามออกไปว่า หากห้ามเราฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในสถานที่ธรรม แล้วการที่เราเหยียบมดบนดินที่เราก้าวย่างไปนี่ล่ะบาปไหม ท่าน ว.วชิรเมธี ตอบกลับมาว่า
“กรรมไม่มี บาปไม่มี หากไม่ได้เจตนา ให้ดูที่เจตนาเป็นสำคัญ”

แล้วคุณวู้ดดี้ก็ยิงคำถามต่อมา เรื่องการดูหมอท่านคิดเห็นอย่างไร ท่าน ว.วชิรเมธี ก็สอนว่า ไม่ มีใครจะรู้เรื่องของเรา ดีไปกว่าตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องหาหมอดู ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ท่านไม่เชื่อเรื่องหมอดู แต่ท่านเชื่อ กฎแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำ กฎที่บอกว่า ชีวิตเราจะเป็นอะไร ยังไง ขึ้นอยู่กับตัวเรา และท่านยังย้อนถามกลับมาว่า หมอดูที่ไปดูเขาน่ะ เจ้าตัวเขาอนุญาตไหม หากไม่อนุญาต ก็เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ทำเอาคุณวู้ดดี้ถึงกับอึ้งอีกครั้ง

พอกล่าวถึงการห้อยพระ ที่คนนั้นคนนี้บอกว่าแขวนพระองค์นี้สิดี แคล้วคลาดจากอันตราย ปลอดภัย คุ้มครองเรา ท่านกล่าวเชิงว่า “งั้น กฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นหมัน แสดงว่าการห้อยพระไปง้างกับกฎแห่งกรรม ทำอะไรไว้แค่ไหนไม่ต้องรับกรรม เพราะมีพระคุ้มครองใช่ไหม” คุณวู้ดดี้เลยโยงถึงเรื่อง ธุรกิจพิมพ์พระ ซึ่งท่านกล่าวว่า “บาป ไม่บาป ให้วัดที่เจตนา หากมีเจตนาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่บาป แต่หากทำเพื่อเม็ดเงินเป็นหลัก ก็เห็นจะไม่สมควร”

มาถึงเรื่องการแก้กรรม ที่กำลังเป็นประเด็นฮอตฮิตในปัจจุบัน ท่านก็ให้คำเตือนสติว่า “คนไทยชอบแก้กรรม เหมือนเราถูกมัดไว้แล้วต้องมานั่งแก้ กรรมคือตัวความคิดของเรา ง่ายนิดเดียวคือการเปลี่ยนความคิด” และท่านเสริมว่า หลายสิ่งหลายอย่างพิสูจน์ไม่ได้ในห้องแล็บ ของพวกนี้ไม่ได้เห็นด้วยตา แต่เห็นด้วยปัญญา สิ่งสำคัญไม่ใช่โลกหน้ามีรึไม่มี แต่โลกนี้มีอยู่จริงและเราใช้ชีวิตอย่างไร

แล้ว คุณวู้ดดี้ ก็วกกลับมาถามเรื่อง พุทธพาณิชย์ อีกครั้ง ในเรื่องของการพิมพ์หนังสือธรรมะจำหน่ายหรือเผยแพร่ ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวว่า เราต้องดูที่เจตนา หากเจตนาทำไปเพื่อดำรงคงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา เผยแพร่คำสอนดี ๆ ธรรมะดี ๆ อย่างนี้ไม่ถือเป็นพุทธพาณิชย์ ถือเป็นการสืบทอดพระศาสนา หากแต่ทำไปเพื่อหวังผลกำไร ก็กลายเป็นพุทธพาณิชย์ไปเท่านั้นเอง แล้วคุณวู้ดดี้ก็ยิงคำถามต่อ เป็นคำถามที่คุณวู้ดดี้เองก็สงสัยเป็นอย่างมาก เรื่องค่าตัวในการเชิญท่านไปแสดงพระธรรมเทศนา ต้องติดต่อที่ใคร ท่านมีสังกัดหรือไม่ ท่านคิดค่าตัวเท่าไร ซึ่งท่าน ว.วชิรเมธี ก็ตอบกลับมาว่า ท่านเป็นพระ เป็นนายตัวเอง ไม่มีสังกัด เรื่องปัจจัยอย่าถาม นิมนต์เท่าไรก็เท่านั้น ปัจจัยที่ท่านได้มา ก็นำไปเป็นปัจจัยเพื่อการศึกษา นำไปให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา นำไปเพื่อเป็นปัจจัยค่าเล่าเรียนของพระภิกษุสามเณร ซึ่งตอนนี้ก็มีเด็กและสามเณรได้ทุนการศึกษากว่าพันคนและรูปแล้ว ซึ่งก็ถือได้ว่า คนที่เชิญท่านไปเทศนาและให้ปัจจัยกับท่านมา ได้ทำบุญใหญ่ ได้ให้โอกาสคน ได้ให้การศึกษาคนที่ไม่มีโอกาส

หลังจากนั้น คุณวู้ดดี้ ก็ได้กล่าวถึงข้อความที่ผู้ชมทางบ้าน ได้ส่งเข้ามาผ่านทวิตเตอร์ของคุณวู้ดดี้ เพื่อให้คุณวู้ดดี้ได้ถามกับท่าน ว.วชิรเมธี ดังนี้

1. ถ้าเราไม่เคารพพระที่เราไม่ชอบ เพราะประพฤติมิชอบ บาปไหม

ท่านตอบว่า “ถ้า ไม่มีความดีให้เราเคารพ ก็ไม่ควรเคารพ ไม่เสียหายอะไร คนเราจะเคารพคนที่สูงกว่าเรา ดีกว่าเรา เป็นเรื่องปกติ ถ้าเราไปเคารพคนที่ไม่ควรเคารพ อันนี้บาป”

2.ถ้านำแกนนำเหลือง-แดงมาให้ท่านเทศน์ ท่านจะเทศน์อย่างไร

ท่านฝากไว้สองข้อว่า 1. อย่าเห็นแก่ตัว จนไม่เห็นหัวประเทศไทย 2. ต้องยอมถอย เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า การถอย ไม่ได้หมายถึงถอยหลังเพียงอย่างเดียว อาจจะถอยไปข้างหน้าเสียด้วยซ้ำ และท่านยังกล่าวอีกว่า การมีนักการเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชั่นในวันนี้เป็นเรื่องดี เพราะจะได้เป็นบทเรียนแก่คนในรุ่นหลัง เพื่อที่จะได้ไม่มีนักการเมืองประเภทนี้ เข้ามาดูแล ปกครองบ้านเมืองอีก ถือเป็นโชคดีที่คนไทย ได้เข้าห้องเรียน มาเรียนรู้พร้อมกัน

เมื่อคุณวู้ดดี้ถามท่านถึงเรื่องอาการจิตตกของคนในยุคปัจจุบัน ท่าน ว.วชิรเมธี ก็ตอบว่า จิตตกก็ยกจิต ต้องออกจากสภาพแวดล้อมแบบนั้น หาหนังสือธรรมะอ่าน ท่านยังเสริมอีกว่า การคบเพื่อนดีเป็นกัลยาณมิตร ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงจิตตกไปได้ หากเจอเพื่อนที่ไม่ดีก็อาจจะจิตตก และทำเรื่องไม่ดีไปมากกว่าเดิมก็ได้

และ ท่าน ว.วชิรเมธี ก็นำทางคุณวู้ดดี้ เดินขึ้นไปบนยอดเขา เพื่อไปกราบไหว้หลวงพ่อยิ้ม ซึ่งระหว่างที่คุณวู้ดดี้ได้กราบอธิษฐานขอพรอยู่นั้น ท่าน ว.วชิรเมธี ก็ได้สอนว่า “มาหาพระพุทธเจ้าอย่าขอ แต่บอกว่า พระพุทธองค์จะเป็นต้นแบบของเรา ท่านมีหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจ พระพุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ เป็นศาสนาแห่งการลงมือทำ การลงมือทำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”

คำถามต่อมา คุณวู้ดดี้ถามว่า ใครคือต้นแบบของท่าน ว.วชิรเมธี ท่านก็ตอบว่า …

หนึ่งคือ พระพุทธเจ้า

สองคือ ท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการคิดนอกกรอบ กล้าคิดกล้าทำ ยินดีที่จะพูดความจริงโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องตาย

สามคือ พระพรหมคุณาภรณ์ ผู้ที่มีความแม่นยำในพระธรรมวินัย ท่านเป็นพระที่ไม่ได้จบจากนอก แต่ท่านสามารถสอน ที่ ม. Harvard ได้

สี่คือ หลวงพ่อชา สุภัทโท ท่าน ว.วชิรเมธี เจริญรอยตามหลวงพ่อชา จนมีอาศรมอิสรชน

ห้าคือ ท่านดาไล ลามะ ที่มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมดีเลิศ ท่านเป็นพระที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวโลก จนชาวโลกรู้สึกได้

และสุดท้าย ท่านติช นัท ฮันท์ พระชาวเวียดนาม

สำหรับคำถามต่อมาเกี่ยวกับเรื่องกิเลส พูดถึงกิเลสที่ทำให้เกิดความอยาก ท่าน ว.วชิรเมธี ก็กล่าวว่า “ความอยากมี 2 อย่าง หนึ่ง อยากเพราะถูกกดดันด้วยตัวกิเลส และสอง อยากเพราะถูกผลักดันโดยปัญญา อย่างหลังเป็นความอยากที่ถูกต้อง” ยกตัวอย่างจากการที่คุณวู้ดดี้กล่าวว่า ถ้าอยากเป็นนายกฯ เพราะอยากโกงกิน นั่นเป็นเพราะความอยากเพราะตัณหา แต่ถ้าคุณวู้ดดี้อยากเป็นนายกฯ เพราะต้องการมาพัฒนาบ้านเมือง นั่นเป็นความอยากที่มาด้วยปัญญา ซึ่งเป็นกิเลสที่ถูกต้อง

และคำถามสุดท้ายเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งหลาย ๆ คนบอกว่า เป็นคำถามที่ไม่สมควรถามพระ แต่คุณวู้ดดี้เชื่อว่า ท่าน ว.วชิรเมธี จะมีคำตอบที่ดีและให้ข้อคิด คำถามก็คือ พระเป็นเพศชาย พระจะระงับอารมณ์ทางเพศได้อย่างไร ท่านตอบว่า ความสุขทางเพศรสเป็นความสุขขั้นต่ำของบันไดความสุข กามอารมณ์เกิดจากความคิด ถ้าเราไม่ต่อยอดความคิด ความรู้สึกทางกามอารมณ์ก็ไม่มีตัวตน แล้ว ท่านอธิบายขั้นของความสุขไว้ว่า … ปัญญาสุข คือ ความสุขจากการแสวงหาปัญญา สมาธิสุขคือความสุขจากการนั่งสมาธิ ทำจิตให้สงบ สารแห่งความสุขจะแผ่ไปทั่วร่าง และความสุขสุดยอดคือนิพพานสุข บรรลุมรรคผล เป็นความสุขตลอดกาล เป็นความสุขที่ปราศจากกิเลสทั้งปวง

ที่มา : kapook.com