30 มิถุนายน 2552

เตือนสติ ก่อนก้าวเข้าไปในลิฟต์

ขอเตือนสติ สำหรับผู้ทำงาน ในตึกสูงๆ ดูดีๆ ก่อนก้าวเข้าไปในลิฟต์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 มิถุนายน 2552) ได้ไปกินขนมจีน แถวๆบางลำพู ขณะที่กำลังตักขนมจีนเข้าปาก ก็ได้ยินเสียง หวอ ของรถมูลนิธิ และรถพยาบาลวิ่งมาจอดข้างๆ ห้างแห่งหนึ่งแถวๆบางลำพู ก็ไม่ได้สนใจอะไร พอทานหนมจีนเสร็จก็เข้าไปช็อปปิ้งนิดหน่อย ก็เห็นคนกำลังมุง และ จนท ได้นำศพชายวัยรุ่น ออกมาจากลิฟต์ คาดว่าเสียชีวิตแล้ว

เรื่องมีอยู่ว่า... ชายดังกล่าวเป็นพนักงานของห้าง นั่งทานข้าวกับแฟนสาว พอทานข้าวเสร็จก็จะไปทำงานต่อ หลังจากล่ำลากับแฟนสาว ก็เดินไปกดลิฟท์เพื่อลงมาจากชั้น 8 ของห้าง ในขณะที่แฟนสาวยืนมองดูประตูลิฟต์ได้เปิดทันทีหลังจากที่เขากดสวิทต์ ด้วยความเคยชิน เขาก้าวเข้าไปในลิฟต์ ขณะที่แฟนสาวยืนมองอยู่ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นจากชั้น 8 ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิตทันที ท่ามกลางความตกตลึง และช๊อก ของแฟนสาว

ความผิดพลาดของประตูลิฟต์ คือ ประตูลิฟต์เปิด แต่ตัวลิฟต์ไม่เลื่อนลงมาตรงตำแหน่งชั้น ซึ่งอาจจะเป็นความผิดพลาดของระบบไฟฟ้า

อุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่ได้ลงข่าว นสพ หรือสื่อใดๆ ใครก็ตามที่ใช้ลิฟต์เป็นประจำ โดยเฉพาะอาคารที่มีลิฟต์ เก่าๆ ควรหยุดดูซักนิดว่า ลิฟต์ลงมาตรงกับประตูที่เปิดหรือเปล่า... หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก กับใครก็ตาม ไม่อยากให้ใครสูญเสีย

ที่มา : http://www.fwdder.com/topic/156465

29 มิถุนายน 2552

6 วิธีทำให้หายคิดถึง

1.The Letter... จดหมายรักแทนใจ
แบบว่าอาจจะฟังดู "โบ(ราณ)" ไปสักนิด แต่ขอบอกว่าจดหมายรักเนี่ยล่ะ คลาสสิกที่สุดแล้วไอ้น้องเอ๋ย แถมยังใช้ได้ผลชะงัดมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ไม่เชื่อดูอย่างหนังเรื่อง Love Letter สิ หนุ่มๆ อาจจะบอกว่า... หนังอะไร(ฟะ) น้ำเน่าชะมัด แต่จะบอกให้ว่าสาวๆ เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ
รายไหนรายนั้นร่ำร้องขอให้หนุ่มๆ ทั้งหลายเขียนจดหมายรักอย่างพระเอกในเรื่องบ้าง เชื่อดิ ยามหยิบจดหมายรักมาอ่านคราใด รับรองเธอเป็นต้องคิดถึงหน้าคุณแน่นอน ว้าว หรือถ้าใครรู้ตัวว่าลีลาการเขียนจดหมายของตัวเองไม่เอาอ่าว จะส่งเป็น forward mail หวานซึ้งไปให้เธอก็ได้ไม่ว่ากัน อะไรที่ทำให้เธอประทับใจ ขอบอกว่านั่นล่ะ ... ใช่เลย

2. พี่เบิร์ดบอกไว้ ... หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ
ที่พี่เบิร์ดบอกไว้ในเพลงนั่นล่ะ ของแท้แน่นอน "หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ" คอยหาโอกาสแสดงความห่วงใย ใส่ใจ เทคแคร์ หรือแม้แต่ช่วยเหลือเมื่อเธอต้องการจะเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างถือกระเป๋าให้ ติวหนังสือ หรือคอยถามไถ่ ยิ่งถ้าเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ประเภทจำวันเกิดเธอได้ รู้ว่าเธอชอบกินอะไร ชอบฟังเพลงไหน ไม่คิดถึงกันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่ถ้าเธอปฏิเสธล่ะก็ แนะนำว่าอย่าเพิ่งท้อ เพราะ ... ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก

3. เพลงเพราะ-หนังซึ้ง คิดถึงทุกราย
ถ้าคุณดันโชคร้าย เกิดมาเป็นคน " พูดไม่ค่อยเก่ง" ลองใช้สื่อแทนใจอย่างซีดีเพราะๆ หรือหนังรักซึ้งๆ แล้วมอบให้เธอเป็นของขวัญก็ได้ แล้วทีนี้นะ ถ้าเธอหยิบซีดีแผ่นนั้นมาฟัง หรือเปิดหนังเรื่องนั้นดูทีไร รับรอง ...ไม่คิดถึงก็บ้าแล้ว

4. ถ่ายรูปคู่กัน ...1 2 3 แชะ
ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวด้วยกัน ลองชวนเธอถ่ายรูปคู่ดู หรือถ้าเดินเที่ยวห้าง จะแวะตู้สติ๊กเกอร์ถ่ายรูปด้วยกันสักหลายๆ act ยิ่งดี แล้วก็ตัดแบ่งกันเป็นที่ระลึก ฉันรูปนึง เธอรูปนึง แล้วยุให้เธอติดสติ๊กเกอร์ไว้บนโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าตังค์ หรือของใช้อะไรก็ได้ที่เธอใช้บ่อยๆ (จะลองทำให้เธอดูเป็นตัวอย่างก็ได้นะ เผื่อเธอจะเขินน่ะ) หรือถ้ามือถือของเธอถ่ายรูปได้นะ ลองเก๊กท่าหล่อๆ ให้เธอถ่ายสักหลายๆ แชะ แล้วแกล้งๆ save ไว้หน้าจอมือถือของเธอ คราวนี้ล่ะเป็นได้คิดถึงกันวันละ 24 ชั่วโมงแน่นอน

5. ฝาก (สัตว์) เลี้ยง
ถ้าเธอคนนั้นเป็นคนรักสัตว์ (คล้ายๆ กับรักเด็ก) ลองสืบดูสิว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเธอคืออะไร จากนั้นก็ใช้จังหวะนี้ ทำตัวเป็นซานต้า ซื้อเจ้าสัตว์ชนิดนั้นมามอบให้เธอ หนุ่มๆ หลายคนใช้วิธีนี้ ซื้อเจ้าตูบสี่ขาน่าเอ็นดู ซื้อหนูแกสบี้ตัวจิ๋ว แล้วก็ฝากเธอเลี้ยง ประมาณว่าเป็นสมบัติร่วมกันของเราสอง เธอเห็นหน้ามันทีไร ขี้คร้านจะเห็นหน้าคุณเมื่อนั้น (ก็ลองเลือกเอาละกันว่าคุณอยากหน้าเหมือนอะไร แต่ถ้าจะใช้วิธีนี้ แนะนำว่าให้ลองคิดทบทวนดีๆ สักนิด เพราะเกิดอยู่มาวันหนึ่ง คุณกะเธอสวม converse ทางใครทางมัน คราวนี้ล่ะได้เกี่ยงกันแน่ว่าใครจะรับผิดชอบเจ้าสัตว์ร่วมโลกตาดำๆ ตัวนี้ แล้วจะหาว่าไม่เตือน)

6. ดอกไม้ให้คุณ
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง รายไหนรายนั้น เสร็จดอกไม้ทุกรายไป ไม่จำเป็นต้องเป็นดอกไม้อิมพอร์ตช่อโต ราคาเป็นพัน อย่างนั้นมันก็เกิน (กระเป๋าตังค์) ไปหน่อย เอาแค่ดอกไม้แถวบ้านนี่ล่ะ พร้อมการ์ดหวานๆ อีกหนึ่งใบ เท่าเนี้ยก็ทำเธอปลื้มตายแล้ว และแน่นอน เหลือบไปเห็นดอกไม้ทีไร มีเหรอจะไม่ชวนให้คิดถึงเจ้าของเมื่อนั้น

ที่มา : http://www.fwdder.com/topic/7755

26 มิถุนายน 2552

care you













ที่มา: FW

23 มิถุนายน 2552

ก่อนจะเปลี่ยนมือถือใหม่..อยากให้อ่านตรงนี้สักนิด !!!!

1,222,245,200,000 คือ ยอดขายโทรศัพท์มือถือในปี 2551จากสถิติ ของ Worldwatch institute ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพย์มือถือ 1 เครื่อง ในปัจจุบันมีอยู่ราว 14 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ นับว่าน้อยกว่าอายุการใช้งานจริงที่ควรจะเป็น

ทั้งๆที่มือถือยุคใหม่ไม่ได้ทำอะไรออกมาสนองความต้องการมากนักและระยะเวลาในการใช้งานอาจจะน้อยเกินไปกว่านั้น ในกลุ่มผู้ใช้มือถือที่เห็นเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมความมั่นใจ เปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเทรนด์ และได้ของที่ฉลาดสุดๆอยู่ในมือ

แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความพอใจที่ได้อินเทรนด์นี้ยอดขายหลายล้านๆ เครื่องในแต่ละปี หมายถึง น้ำตา ฝันร้าย และความตายของชาวคองโกนับล้านชีวิต นี่ยังไม่นับรวมการฆาตกรรมหมู่ในป่าลึก, ความตายของกอริลล่ายักษ์ที่อาจเหลือฝูงสุดท้ายในรวันดา

ตัวเชื่อมที่ทำให้มือถือโยงไปถึงสงครามร้ายแรงที่สุด ในประวัติศาสตร์แอฟริกาคือ โคลัมไบต์-แทนทาไลต์ หรือ แร่โคลแทนที่พบมากในแอฟริกากลาง,แน่นอน...ในคองโก

ด้วยคุณสมบัติทนความร้อนสูง ทำให้ผงแทนทาลัม ที่สกัดได้จากโคลแทน กลายเป็นวัตถุดิบจำเป็นที่อยู่ในมือถือ คอมพิวเตอร์,เพลย์สเตชั่นฯลฯ โคลแทน กลายเป็นblack goldในขณะเดียวกัน สงครามคองโกครั้งที่ 2 ทำให้แร่สีดำชนิดนี้ กลายเป็นแร่สีเลือด blood coltan

เพราะการลักลอบทำเหมืองและส่งออกโคลแทน กลายเป็นแหล่งหารายได้ที่เติมเชื้อไฟให้กับ African World War

ในจำนวนประเทศทั้ง8 ที่ติดหล่มสงครามและกองกำลังติดอาวุธกว่า20กลุ่ม หลายกลุ่มหาผลประโยชน์จากพื้นที่คองโกที่ประเมินว่ามีแร่โคลแทนมากถึง 80% ของปริมาณโคลแทนในโลก

การดิจิไทซ์โลก ถนนทุกสายจึงมุ่งไปที่พื้นดินของคองโกกองกำลังประชาธิปไตย กลุ่มปลดปล่อยรวันดาหรือ FDLR ที่มีชาวฮูตูเป็นแกนนำ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดของการทำเหมืองแร่ในคองโกอย่างผิดกฏหมายแม้จะต้องเสี่ยงจากการถูกปราบปรามจากรัฐบาลคองโก แต่ FDLR และอีกหลายกลุ่ม ก็เห็นว่ามันเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าอยู่ดี

เพราะแทนทาลัมเพียง 1 ปอนด์ทำเงินร่วม หมื่นบาทแทนทาลัม 1 ปอนด์ เป็นได้ทั้งตัวเก็บประจุในโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ และแปลงเป็นAK-47พร้อมกระสุนให้กับกองกำลังติดอาวุธ

หน่ำซ้ำในกระบวนการร่อนแร่หาโคลแทน แรงงานที่ถูกบังคับให้ทำเยี่ยงทาส ก็คือเด็กๆคองโกลีสซึ่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่า ในบางพื้นที่ของคองโก ในเด็ก100คนจะมี30คน ที่ต้องใช้เวลาทั้งวันไปกับการแยกโคลแทนออกจากเศษหินอื่นๆ
เงินค่าจ้างไม่ถึง 35 บาท ต่อการหาโคลแทนให้ได้ 1 ปอนด์

เรื่องมือถือเปื้อนเลือดถูกพูดถึงเมื่อหลายปีก่อนบริษัทระดับโลกอย่าง Nokia,Ericsson,Moto,Acer ,Compaq ออกมาปฎิเสธเสียงแข็งว่า โคลแทนที่ใช้ในการผลิตของตนไม่ได้มาจากคองโก แต่มีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้หามาให้

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บอกได้ว่า แทนทาลัมในมือถือที่พกติดตัวจนกลายเป็นอวัยวะที่33 นั้นมาจากคองโกหรือเปล่า

การตรวจสอบเส้นทางของแทนทาลัมนั้นต่อให้ใช้วิธีตามไปดูถึงที่แบบกบนอกกะลา ก็ยังไม่สามารถบอกที่มาได้โคลแทนได้ถูกลักลอบเอาออกนอกคองโก เข้าสู่ตลาดมืด และขายทอดต่อไปเรื่อยอีกอย่างน้อย 10 ทอดกว่าจะไปถึงผู้จัดหารายใหญ่ ที่บริษัทบิ๊กๆเลือกเป็นคู่ค้า

ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้วัตถุดิบมารองรับความต้องการการซื้อมือถือในตลาดโลก นอกจากจะมีส่วนสร้างประวัติศาสตร์เลือดให้กับอัฟริกาแล้ว ยังส่งผลร้ายต่อสัตว์ป่าด้วย เพราะในพื้นที่ๆขุดหาโคลแทน มันคือบ้านของ กอริลล่าภูเขาที่เหลืออยู่บนโลกนี้ไม่กี่ร้อยตัว
สัตว์ร่วมวงศ์กับมนุษย์ ที่แสนจะขี้อาย สุภาพ ไม่เพียงถูกเหมืองคุกคามถิ่นที่อยู่ พวกทำเหมืองยังล่าพวกมันเอาหัว บางทีก็ชำแหละนำเนื้อมากินด้วย

สวนสัตว์ในแอฟริกาหลายแห่ง รณรงค์การรีไซเคิลมือถือเพื่อลดอัตราการใช้โคลแทนในการผลิตมือถือใหม่ด้วยหลังจะชะลอการสูญพันธุ์ของกอริลล่าภูเขาในคองโกได้บ้าง

แต่ดูเหมือนไม่ทันต่ออัตราการเติบโตของอุปกรณ์ที่เป็น "มากกว่าใช้พูด"แต่ส่วนใหญ่ "ก็ใช้แค่พูด"เท่านั้น

ในทวีปแอฟริกาเอง พิษภัยจากมือถือคุกคามชีวิตและทรัพยากรตัวเอง แต่อัตราการใช้มือถือก็เพิ่มขึ้น 1000%

เช่นเดียวกับจำนวนคนบริสุทธิ์ที่ล้มตายลงในสงครามกลางเมืองคองโก ประมาณการณ์กันว่า นับแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นปียุติสงครามอย่างเป็นทางการ ยังมีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงรูปแบบต่างๆถึงเดือนละ 45,000คนหรือปีละ 540,000 คน ตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงผู้หญิงหลายหมื่นที่ถูกทารุณทางเพศของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เพียงแต่พวกเธอยังไม่ตาย

1,222,245,200,000กับ540,000 อาจมีหน่วยนับต่างกันแต่อัตราการขยายตัวกลับแปรตามกันอย่างน่ากลัวถ้าความอินเทรนด์ของคุณ นำมาซึ่งตัวเลขที่มีหน่วยศพเพิ่มมากขึ้นคุณยังอยากเปลี่ยนมือถือทัชสกรีนมาใช้เล่นอีกสักเครื่องไหม ...!?!
ที่มา: mcot.net

22 มิถุนายน 2552

เรื่องจริงของคนที่เกิดช่วงพ.ศ. 2520-2528

....คนที่เกิดช่วงปี พศ.2520 - 2528 เป็นช่วงเวลาที่มีไรให้จดจำมากมาย บางสิ่งบางอย่างได้หายไปแล้ว แต่ยังอยู่ในความทรงจำของทุกคน ลองไปดูกันว่า มีไรที่คุณลืมไปแล้วบ้าง....

1. คุณเป็นรุ่นสุดท้ายที่เล่นมอญซ่อนผ้า กระโดดยาง รีรีข้าวสาร เป่ากบ โดยไม่ต้องหาดูตามงานวัด

2. คุณเกิดมาร้องเพลงชอมอบดอกไม้ในสวนได้ทัน ในยุคที่พี่แจ่ ดนุพล นกแล นิธิธัศน์ ยังดังและเมื่อโตขึ้นคุณก็ยังไม่แก่เกินไปที่จะฟัง ดีทูบี

3. คุณได้เห็นคาราบาวในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เฟื่องฟู และเสื่อมถอย

4. คุณได้เห็น ก็อต จักรพันธ์ (คนเดียวกับเจ้าชายลูกทุ่ง) ยังร้องเพลงสตริงวัยรุ่นและคณะวงดนตรีชื่อดังอย่าง แอ๊ดเทวดา ยังติดคุก

5. คุณเกิดมาทันพอดีกับยุคที่รองเท้าถุงเท้านักเรียนแลกซื้อของเล่น (หลอกเด็ก) และหลังจากยุคคุณมันก้อไม่ทำออกมาหลอกเด็กอีกเลย

6. คุณโชคดีที่เกิดมาทันในยุคที่มีดาราเด็กชื่อดังอย่างน้อง ตูมตาม เพราะสามารถนำมาเปรียบเทียบกับความน่ารักของ น้องพลับ ในยุคนี้ได้

7. คุณโตมาพร้อมกับโงกุน ดราก้อนบอล มันออดฉายทางทีวีครั้งแรกเมื่อปี 2529 - 2538 หนังสือการ์ตูนอัพเดททุกสัปดาห์ มีพิมพ์ทุกสำนัก ไม่มีการดองเพราะยังไม่มีลิขสิทธิ์ อ่านแล้วไปดูช่อง 9 ก้อยังมันส์ ถามเด็กผู้ชายยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักพลังคลื่นเต่ากินเวลากว่า 10ปีถึงจะจบ ( แต่เด็กรุ่นใหม่ใช้เวลาอ่านเพียงวันเดียว)

8. สุดยอดแห่งการ์ตูนในยุคนั้น เช่น เซ็นต์เซย่า จีบัน เกียบัน ซึบาสะ มดแดง เซเลอร์มูนรันม่า 1/2 ฯลฯ มันก้อเข้ามาฉายตอนเราอยู่ประถม แล้วพอขึ้นชั้นมัธยมมันก้อค่อย ๆหายไป ( แล้วฮีโร่ของเด็กยุคนี้ล่ะ จาพนม )

9. คุณเกิดมาทันพอดีกับช่วงเกมกด วีดีโอเกม คอนทร้า มาริโอ พอโตขึ้นคุณก้อยังไม่แก่เกินที่จะเล่น PLAY SYATION และทามาก็อดจิ

10. จงเติมคำในช่องว่าง มดแดงกำลังเป่าปี่ มานี.......มานะชอบใจ ไม่อยากใช่มั้ยสำหรับเพลงดังในยุคคุณ (ระวังเจ๊เบียบและอย่าอิจฉาพี่มานะ)

11. ในช่วงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นคุณโตมาพร้อมกับอาร์เอส ยุคที่นักร้องอายุไล่เลี่ยกับคุณออกเทปกับให้ควั่กและคุณยังได้เห็นหินเหล็ก ไฟ เสือ อิทธิ ไฮร็อค ล่มสลายไปต่อหน้า หลังจากการเข้ามาของ เต๋า ทัช บอยสเก้าต์ หลังจากนั้นก้อเป็นยุคทองของอาร์เอสโดยแท้จิง ( แต่นั่นมันอดีต ยุคนี้เค้าห้ามเอาของที่เกี่ยวกับอาเอสเข้าบ้าน )

12. หนังไทยก้อทำมาตามวัยของคุณ แล้วมันก้อมีเยอะจิงๆ ทั้ง อนึ่งคิดถึงพอสังเขป นำเต้าหู้ครูระเบียบ กระโปรงบานขาสั้น โลกทั้งใบ เด็กเสเพล พอคุณโตขึ้นมาหน่อยก้อมีหนังอย่าง โอเนกาทีฟ จักรยานสีแดง

13. คุณโชคดีมาก ๆ ที่ได้ร้องไห้ตอนฟังเพลงเราและนาย ของเสกโลโซ ในงานวันปัจฉิมนิเทศน์ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครเสียนำตาให้เพลงนี้อีก

14. คุณได้ซึมซับอารมย์และบรรยากาศของการเข้าฉายครั้งแรกของหนังสุดยอดตื่นตา ตื่นใจในยุคนั้นอย่าง จูราสิก สปีดเร็วกว่านรก (ภาคหลังอย่าได้พูดถึง)

15. รองเท่าแตะในตำนานอย่าง SCHOLL ก้อมาฮิตในยุคคุณนี่แหละใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง ( ร้อยละ 70 ของเด็กวัยรุ่นในยุคนั้นโดนขโมยแต๊ปมาแล้ว )

16. คุณเกิดมาทันในยุคที่ลิเวอร์พูล ล่าอาณานิคมยุค 80 และตกเป็นเมืองขึ้นยุค 90 จนถึงปัจจุบัน

17. ตอนมัธยมสิ่งที่ทำให้คุณบ้าบาสเก็ตบอล เพราะ การ์ตูนแสลมดังค์

18. มีหมากฝรั่งบุหรี่ด้วย

19. ตอนเรียนภาษาไทย ต้องท่องพระเวสสันดรด้วย

20. เรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์

21. ดูดาวพระศุกร์ สายโลหิต เวอร์ชั่น ศรราม สุวนันท์

22.10 ปี ที่แล้วเจ้าขุนทองเป็นไง 10 ปีผ่านไปเจ้าขุนทองก้อยังเป็นงั้น มันไม่แก่ขึ้นเลยว่ะ

23. คุณยังได้เห็นยุคที่นักฟุตบอลยังเป็นดรีมทีม แต่ปัจจุบันเป็นฝันค้าง

24. กบ แท่ง มอส แห่งสามหนุ่ม สามมุม

25. วินโด้ 95 โอ้ว.....จอจน์ มันสุดยอดมาก

26. 151 -152 1144 161 - 162 ใช้ส่งข้อความ เป็นไรที่ฮอตฮิตมาก

27. ยุคเฟื่องฟูสุดขีดของไมโคร อารมย์แบบว่า ขอมือขวาหน่อยครับ

28. มุขของนายกชวน ยังเล่นได้เสมอ เอ่อ ผมคิดว่า ...ในกรณีนี้เรายังไม่ควรรีบด่วน.....ตัดสินใจควรจะ......ยืดวาระพิจารณาออก ไปซัก10 ชาติ

29. แผ่น ซีดี ยัง 250 บาท ทั้ง อาร์เอส และแกรมมี่

30. เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ฉายแล้วฉายอีก ไม่รู้ทำไม เจ้าพ่อมันออกลูกดกเหลือเกิน ดนตรีเปิดตัวพร้อมท่าเดินอันเป็นเอกลักษณ์ พรัอมชุด สูท สวมหมวก เท่าจิง ๆ...

31. โอ้ว อินเทอร์เน็ท สุดยอด ใช้แชทได้ด้วย

32. โฆษณา ยอดฮิต อยากรู้เรื่องยาคูลต์ ... ถามสาวยาคูลต์ซิค่ะ

33. หนังจีนทุกเรื่องมีประโยคยอดฮิต .. ใคร ..ฆาท่านพ่อท่าแม่ บุญคุณต่องทดแทน ความแค้นต้องชำระ ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ข้อน้อยสมครวตาย .. ฮิต จิงๆๆ

34. ทำบัตรประชาชน มีออกบัตรเหลือง 3 เดือนมารับ รูปที่ถ่ายติดบัตร ... แมร่งเอ้ย ..ใช่กรูหรอว่ะ

35. ไม่มีรายการถึงลูกถึงคน เจอแต่ มาตามนัก ฝันที่เป็นจิง ตามไปดู

36. เขาทราย ดิ เก่งที่สุด ต่อยมวยที่ไร ชนะทุกที

..... คุณว่าใช่มั้ย แม้จะผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว ....

ส่ง"เอสเอ็มเอส"บ่อยไม่ดี


แพทย์และนักจิตวิทยาสหรัฐวิตกว่า การส่งข้อความ "เอส เอ็มเอส" ผ่านโทรศัพท์มือถือบ่อยเกินไปอาจส่งผลเสียต่อวัยรุ่น
ผลการศึกษาโดยบริษัทนีลเส็นพบว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีก่อน วัยรุ่นอเมริกันรับส่งเอสเอ็มเอสมากถึง 2,272 ข้อความในแต่ละเดือน หรือเท่ากับวันละ 80 ข้อความโดยเฉลี่ย คิดเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีและมนุษย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ศึกษาพฤติกรรมการส่งเอสเอ็มเอสในหมู่เด็กวัยรุ่นเมืองบอสตันนาน 3 ปี
พบว่า การส่งเอสเอ็มเอสบ่อยเกินไปอาจกระทบกับพัฒนาการของเด็กวัยรุ่น ทำให้ตัดสินใจเองไม่เป็น เพราะมีแนวโน้มจะส่งไปถามความเห็นจากพ่อแม่หรือเพื่อนทุกครั้งที่เกิดปัญหา แม้แต่ปัญหาง่ายๆ เช่น การเลือกรองเท้าใส่ไปงาน เด็กก็ไม่สามารถตัดสินใจเองได้
นอกจากนี้ เอสเอ็มเอสที่ส่งเข้ามามากจนทำให้เครื่องสั่นหรือส่งเสียงทุก 2-3 นาที ยังทำให้เด็กวัยรุ่นขาดสมาธิในกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้า
หรือแม้แต่จะนั่งครุ่นคิดปัญหาอย่างเงียบๆ ก็ทำไม่ได้ บางครั้งถ้าเพื่อนหรือคนรู้จักส่งข้อความมา เด็กจะรู้สึกเหมือนถูกกดดันให้ต้องส่งข้อความตอบกลับไปในทันที ดังนั้น เด็กวัยรุ่นที่ติดการรับส่ง เอสเอ็มเอสจึงมีแนวโน้มจะเป็นพวกที่รอไม่เป็น หรือขาดสมาธิเวลาทำกิจกรรมต่างๆ

12 มิถุนายน 2552

วิธีเก็บสายหูฟังไม่ให้พันกัน แบบง่าย ๆ

วิธีเก็บสายหูฟัง ไม่ให้พันกันแบบง่ายสุดๆ
เค้าเชื่อว่าผู้ที่ใช้ MP3 Flash drive คงจะเคยเจอปัญหาสายหูฟังพันกันในขณะที่เราจะฟังเพลงโปรดของเรา คนที่ใช้หูฟังที่มีกล่องเก็บก็คงสบายไป แต่คนที่ใช้หูฟังที่แถมมากับเครื่องก็คงต้องเจอเรื่องน่ารำคาญทุกครั้งไป...


วิธีก็ง่าย ๆ คร่ะ
1. จับหูฟังและแจ็คมารวบติดกัน
2. มัดรวมกันไว้ด้วยยาง ลวดมัดสายไฟ หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้หูฟังกับแจ็คอยู่ติดกัน
3. โยนลงกระเป๋าไปเลย ไม่ต้องกลัวว่ามันจะพันกัน หรือคุณจะลองขยำๆ ดูก็ได้นะคร่า
ไม่ว่าคุงจะขยำอย่างไร คุงก็จะดึงมันกลับออกมาได้โดยไม่พันกัน โอ้ว...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จมันทอดยาก
มันเป็นไปได้อย่างไร
เรื่องมันมีอยู่ว่า การพันกันของเชือกหรือสายไฟ มันต้องการ “ปลาย” เชือกหรือปลายสายไฟทั้ง 2 ด้าน มันถึงจะพันกันเองได้ง่าย (มีปลายด้านเดียวก็ยังพันกันยาก) ดังนั้นถ้าเราทำลายปลายเชือกโดยการผูกปลายติดกัน โอกาสที่มันจะพันกันอีลุงตุงนัง ก็จะลดลงอย่างมากคร่ะ หรือถ้ามันพันกันจริงๆ มักก็จะแก้ออกง่ายมากค่ะ

ศิลปะชีวิต Art of better living


1. หายใจให้ทั่วท้อง

2. งดเนื้อสัตว์เพื่อล้างพิษ

3. ปิดมือถือ ในบางขณะ เพื่อเป็นอิสระ คิดอะไรได้เต็มที่

4. โนบราซะ ( อันนี้ผู้ชายทำยากนะ )

5. กินอย่างมีสติ :ไม่กินจนฟุ้งเฟ้อและกินจนเกินความจำเป็นไม่อื่มเกินและเคี้ยวช้า ๆ คำละ 50 ครั้ง

6. ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ดื่มน้ำช่วงเช้าหลังตื่นนอนก่อนแปรงฟันจะมีประโยชน์น้ำที่ผสมน้ำลายในปากจะเป็นตัวล้างลำไส้ได้ดีนัก

7. เตือนตัวเองให้ทานผลไม้วันละ 3 - 5 อย่าง หลากสี

8. อดบ้างก็ได้ การอดอาหารในช่วงสั้นๆแม้เพียงวันละมื้อจะช่วยให้อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมได้พักผ่อน

9. อาบน้ำคลายเครียด

10. ขับถ่ายบอกสุขภาพ ปัสสาวะที่ดีต้องใส ไม่ขุ่นไม่มีตะกอนถ้าเข้มต้องดื่มน้ำเพิ่ม อุนจิ ต้องนิ่ม สีเหลือง ลอยน้ำได้ ไม่เหม็น หากแข็งต้องเพิ่มผัก ผลไม้ และน้ำ
11. หวีผมบรรเทาปวด ในวันที่เครียด /ปวดหัวตุบๆลองแปรงผมด้วยหวีที่มีปุ่มตรงซี่แปรง

12. ยิ้มหน่อย ใครชอบเก็ก ไม่ยิ้ม ลองดูนะ ให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขค่ะ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดระดับความเครียด เพิ่มภูมิคุ้มกัน

13. น้ำตาคลายเครียด และช่วยระบายความเครียดได้ (แอบร้องก็ได้ถ้าอาย แต่ที่จริงแล้ว การร้องไห้เป็นเรื่องปกติของปุถุชน

14. นอนหลับเพิ่มพลัง เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูตอนนอนร่างการจะหลั่งสารเมลาโทนินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และระบายท็อกซินออกจากสมองสักงีบหนึ่ง หลับกลางวัน สัก 15 นาที

15. เดินเท้าเปล่ากันบ้างทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างระบบประสานสัมผัสกล้ามเนื้อ กระดูก และสมอง เดินเท้าเปล่า รับน้ำค้างบริสุทธ์ สนามหญ้า ย่ำก้อนกรวดบ้าง

16. กอดยาวิเศษประจำบ้าน กอดคนที่คุณรักจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางช่วยปลดปล่อยความเครียด

17. ช่างคุย กับเพื่อนสนิท คนรู้ใจ

18. ร้องเพลง ขณะร้องร่างกายจะขับคาร์บอนไดออกไซด์และสูดออกซิเจนได้มากขึ้น

19. ไดอารี่ที่รัก เขียนบันทึกช่วยระบายความในใจ และ ได้ทบทวนชีวิต รู้จักและปรับปรุงตัวเองได้

20. Out Door Please ออกใช้ชีวิตกลางแจ้งในสวนหย่อมบ้าง

21. ฝึกสมองทุกวัน อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ทำให้สมองทำงานมากกว่า 80 % ขณะที่ดูโทรทัศน์ใช้สมอง 20 %

22. อย่าลืมอ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 15 นาที

23. สงบใจไหว้พระ เข้าวัด ทำบุญ ทำสังฆทาน

24. ชวนกันมาดูดาว นับดาวตอนกลางคืน

25. ความสุขจากรูปเก่า เก่า

26. ให้เพื่อได้รับมีเศษสตางค์ลองหยอดตู้บริจาคแบ่งสิ่งของให้คนที่ยากจนกว่าเรา ฯลฯ ช่วยให้คุณเข้าใกล้ความสุข

27. ชมคนอื่นเสียบ้าง โดยเฉพาะคนที่ใกล้ตัวคุณ แต่คุณมองข้ามไป

28. พูดขอบคุณให้ติดปากและขอบคุณจากใจจริงร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินทำให้มีความสุข

29. ไม่ควรยุ่งเรื่องชาวบ้าน งดอาการอิจฉา เพื่อความสุขของตนเอง

09 มิถุนายน 2552

Warren Buffett's advice for 2009



คำแนะนำสำหรับปี 2009 โดยวอร์เรน บัฟฟเฟ่ตต์

บุคคลที่รวยที่สุดคนหนึ่งในโลก

เราเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยความกระตือรือร้นที่หดหู่ และการมองโลกแง่ดีถูกทำลาย

ความสุขของเราถูกเจือจางลง และความสงบสุขของเราถูกคุกคาม..ด้วยเชื้อป่วยไข้ของเศรษฐกิจที่ระบาดมายังครอบครัว องค์กร และประเทศชาติของเรา เราทุกคนต่างค้นหายารักษาความเจ็บป่วยของเศรษฐกิจและให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

พวกเราต่าง..ฝากความหวังไว้กับผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจว่าพวกเขาจะจัดหายารักษาให้แก่พวกเราได้

ทั้งที่จริง พวกเราคงลืมไปว่า..ก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจเหล่านี้หรอกหรือที่เป็นคนสร้างความวุ่นวายทางเศรษฐกิจนี้ขึ้นมาเอง

ทุก ๆ ปีใหม่ ผมนำ "คติพจน์เก่า ๆ " มาเป็น "ไฟนำทาง" อนาคตของผม สูตรบำบัดรักษาตัวเองต่อไปนี้..ให้ความมั่นใจกับผมว่า..ในแต่ละปีที่ผ่านไป ผมเติบโตอย่างมีปัญญามากขึ้น..ไม่ใช่แก่อายุมากขึ้น

ปีนี้ผมจึงขอเชิญชวนทุกคน..ให้นำความคิดคุณเจาะเข้าถึง...ข้อคิดที่ให้สติทางการเงินนี้ร่วมกัน และกลายเป็นผู้ที่ชาญฉลาดทางเศรษฐกิจ

ความขยัน : ทุกความขยัน...นำรายได้มาให้, แค่พูด..มีแต่นำความยากจนมาให้

ขึ้เกียจ : กุ้งลอบสเตอร์ที่หลับ จะถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป

เงินที่หาได้ : อย่าพึ่งพา "แหล่งรายได้เพียงทางเดียว"เป็นอันขาด (อย่างน้อยทำให้ "การลงทุนใดๆ"เกิดเป็นรายได้แหล่งที่ 2 ของคุณ)

การใช้จ่าย : ถ้าคุณ"ซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น",คุณจะต้อง"ขายสิ่งที่จำเป็น"...ในไม่ช้า

การออม : อย่าเพียงออมเท่าที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ให้ใช้จ่ายในส่วนที่เหลือจากการเก็บออมแล้ว

การยืม : คนเป็น"ลูกหนี้"กลายเป็น...ทาสของเจ้าหนี้"

ทำบัญชี : จะมีประโยชน์อะไรในการการร่ม, ถ้ารองเท้าของคุณฉีกขาด

ตรวจสอบ : ระมัดระวังแม้รายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ , รอยรั่วเล็ก ๆ สามารถจมเรือใหญ่ ๆ ได้

การเสี่ยง : อย่าตรวจสอบความลึกของแม่น้ำด้วยเท้า 2 ข้างเป็นอันขาด (มีแผนอื่นรองรับไว้ให้พร้อม)

การลงทุน : อย่าใส่ไข่ทั้งหมดของคุณ...รวมไว้ในตระกร้าเพียงใบเดียว

ผมมั่นใจว่า..ใครก็ตามที่ฝึกปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้อยู่แล้วเป็นผู้ที่ดำรงการมีฐานะการเงินแข็งแรงไว้ได้

ผมมั่นใจเท่า ๆ กันด้วยว่า...ใครก็ตามที่เริ่มต้นฝึกปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้จะกลับมาเป็นผู้มีฐานะการเงินที่เข้มแข็งได้อย่างรวดเร็ว

ขอเราทุกคนต่างกลายเป็น..ผู้ที่มีปัญญามากขึ้น และนำไปสู่ความสุข มีชีวิตที่แข็งแรง มั่งคั่ง และสงบสุข

แปลและเรียบเรียง โดย

โอกาส ชาญเชาวน์กุล

25 ก.พ.2552

ความสุขเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง


คุณบอกกับตัวเองว่า เมื่อได้แต่งงาน และมีลูก ชีวิตของคุณก็จะดีขึ้น

แต่เมื่อมีลูก และลูกของคุณยังเล็กอยู่ คุณก็เกิดความรู้สึกว่า เมื่อเขาโตขึ้นเราคงมีความสุขและสบายขึ้น

แต่เมื่อลูกโตมากขึ้น จนย่างสู่วัยรุ่น คุณกลับรู้สึกไม่ได้ดั่งใจอีกครั้ง

และเมื่อลูกๆ ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นไปได้ คุณคิดว่า คุณจะมีความสุขมากขึ้น แต่คุณกับบอกกับตัวเองอีกว่า จะรอให้ลูกๆ จัดการกับตัวของเค้าเอง ให้เรียบร้อยดีเสียก่อน

บางครั้ง คุณคิดว่า ถ้าคุณมีบ้าน มีรถ มีวันหยุดพักร้อนนานๆ และเมื่อถึงวันเกษียณอายุการทำงาน ชีวิตของคุณ จะมีความสุขมากที่สุด

แต่ เมื่อเกษียนแล้วก็จริง แต่ทำไมถึงยังไม่มีความสุขสักที

ความสุขของชีวิตอยู่ที่ไหนกัน?แท้จริงแล้ว
ความสุขของชีวิต อยู่ ณ ช่วงเวลาขณะนี้ ช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่ต้องรอให้ความสุขมาหาเราในอนาคต เราควรมีความสุข และพึงพอใจกับความสุขอยู่ในปัจจุบัน

ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ต้องมีสิ่งท้าทายเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ทั้งอุปสรรคต่างๆ หรือบททดสอบชีวิตอันยากเข็ญ แต่ในที่สุดเราก็จะต้องก้าวผ่านไป อุปสรรคกับชีวิต เป็นของคู่กัน ดังนั้น เป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องความสุขและความพึงพอใจ จากการเดินทางบนถนนแห่งชีวิตนี้ ซึ่งจะทำให้ชีวิตมีความสุข มากกว่าที่จะรอให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อน แล้วถึงจะมีความสุขได้

เริ่มหยุดพูดกับตัวเองเสียทีว่า ถ้าฉันลดน้ำหนักได้สัก 5 กิโล ฉันถึงจะมีความสุข ถ้าฉันได้แต่งงาน ฉันถึงจะมีความสุข ถ้าผมได้ซื้อบ้าน ผมถึงจะมีความสุข ถ้าผมได้เกิดเป็นลูกคนรวย ผมถึงจะมีความสุข ถ้าคุณหยุดพูดถึงสิ่งเหล่านี้ได้ ชีวิตของคุณ ก็จะมีความสุข และคุณจะรู้สึกพึงพอใจกับชีวิต

ตอบคำถามต่อไปนี้
1. บอกชื่อคน 3 คน ที่รวยที่สุดในโลก
2. บอกชื่อนางงามจักรวาล 3 คนล่าสุด
3. บอกชื่อ ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล 3 คนล่าสุด
4. บอกชื่อนักแสดงนำชาย 3 คนล่าสุด ที่ได้รับรางวัลออสการ์

นึกไม่ออกใช่ไหม? ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่มีใครหรอก ที่จะจดจำคนเหล่านี้ ได้ทั้งหมด คนที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญ ก็ล้วนล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา รางวัลต่างๆ เมื่อวางไว้นาน ก็จะถูกฝุ่นจับ แม้แต่ผู้ชนะ ก็จะถูกลืมในไม่ช้า

ตอบคำถาม ต่อไปนี้
1. บอกชื่ออาจารย์ 3 ท่าน ที่เคยช่วยเหลือคุณ เรื่องการเรียน
2. บอกชื่อเพื่อน 3 คน ที่ช่วยเหลือคุณ ในยามที่คุณต้องการ
3. นึกถึง คน 3 คน ที่ทำให้คุณรู้สึกว่า คุณได้เป็นคนพิเศษ
4. บอกชื่อคน 3 คน ที่คุณอยากใช้เวลาด้วย

นึกออกง่ายกว่าใช่ไหม? นั่นเป็นเพราะว่า คนที่มีความหมายต่อชีวิตคุณ ไม่ได้เป็นคนที่ ต้องเป็นที่สุด ไม่ได้มีเงินมากที่สุด ไม่ต้องได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะยังมีคนใกล้ตัวคุณ อีกหลายคน ที่ห่วงใยคุณ คอยให้การดูแลคุณ และเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะคอยอยู่ เคียงข้างคุณ

... ไม่มีช่วงเวลาไหน ที่จะมีความสุข มากกว่าช่วงเวลา ณ ปัจจุบันนี้.. ใช้ชีวิตให้มีความสุข กับช่วงเวลาปัจจุบัน

07 มิถุนายน 2552

คนที่มีความสุขที่สุดในโลก

ทุกข์ส่วนใหญ่เกิดจากความคาดหวัง แล้วผิดหวัง

คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย

คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ

แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือ คนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง
และความหมายของความสบายใจ คือ

หนึ่ง เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีดี คุณน่าคบหา และคุณทำได้
สอง รู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ

สาม ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น

สี่ เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ

ห้า วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน

หก กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ

เจ็ด มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย

แปด มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

เก้า นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง

สิบ เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่น ๆ และตัวเองด้วย ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง

ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา

และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ

ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ

ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้

ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่า ค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน เชื่อเถอะ เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง !!!

03 มิถุนายน 2552

ฮาตรึม...คิดได้งัย

ยามเหงา .......
นอกจากยามเหงาแล้ว
ยามหลับก็คิดถึงเธอนะ............
ภาพนักศึกษาแอบได้เสียกันตอนรับน้อง...
ภาพหลุดนักศึกษา ม.ดัง เห็น hee
เต็ม ๆ ใหญ่แดง ชัด

มนุษย์ดัดแปลงในไทย

รูดเบียร์..ของแท้


นักศึกษาลงแขก.......

เซ็งจิต.....

ภาพหลุด??นักศึกษาสาวจุกโผล่

มนุษย์ MSN 15 ประเภท


ไปอ่านเจอฟอร์เวิร์ดเมล์ "มนุษย์ MSN 15 ประเภท" เข้าเลยอยากเอามาให้ลองอ่านกันค่ะ


ประเภทแรก :

อกหักรักคุดตุ๊ดเมิน เกย์ไม่เอา ทอมไม่แล กระเทยทิ้งประเภทนี้หลายๆคนคงจะเห็นกันบ่อยคือชื่อที่ตั้งใน MSN จะเป็นอะไรที่เน่ามากๆ ไม่เคยคิดที่จะใช้ชื่อแบบอื่นเลย ในหัวมีแต่ความรักลอยเต็มหัว ไม่มีเวลาจะไปคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องรักๆใคร่ๆ ตัวอย่างชื่อที่ใช้ก็เช่น "ฉัน เป็นห่วง เธอ ..มากเลยรุ้มั้ย" , "อีกไม่ช้าไม่นานใจเธอจะต้องเปลี่ยนไปจากฉัน", "หรือเราจะรักกันไม่ได้อีกแล้ว" , "ขาดเธอเหมือนขาดใจ"

ประเภทที่ 2 :

Away ทั้งชาติประเภทนี้คือตลอดเวลาที่ออน MSN จะมีสถานะเป็น Away ตลอด แต่จริงๆแล้วก็อยู่หน้าคอมฯ
ประเภทที่ 3 :

สิ้นคิดสมกับชื่อประเภทที่บอกไปข้างต้นเพราะพวกเขาเหล่านี้จ ะตั้งช่อใน MSN โดยใช้ชื่อที่สั้นๆ เช่น ใส่ "........" เป็นชื่ออย่างเดียว หรือ "- -" รึไม่ก็ทศนิยมตัวเดียว แทบจะเห็นชื่อของคนประเภทนี้เป็นสีขาวหรือว่างเปล่าไ ปเลยเวลามองใน List รายชื่อ ซึ่งที่ตั้งชื่อแบบนี้อาจจะเป็นเพราะอยู่ในอาการจิตต ก....หรือขี้เกียจพิมพ์....หรือนึกไม่ออกว่าจะใช้ชื่ ออะไรดี

ประเภทที่ 4 :

หัวศิลป์ใครที่จะอ่านชื่อของมนุษย์ MSN ประเภทนี้ขอให้ทำใจเพราะบางทีตัวอักษรที่พวกเค้าใช้ต ั้งในชื่อนั้น จะไปคัดสรรค์มาอย่างดีจาก Character Map ซึ่งศิลป์ขนาดที่ว่าอ่านกันไม่รู้เรื่องเลยทีเดียวชื ่อ ที่มนุษย์ MSN ประเภทนี้ใช้ก็เช่น "Ś ┬ ŕ ά ỳ Ć ά ┬ ć Ћ Ψ"

ประเภทที่ 5 :

ออน MSN ผ่านมือถือมนุษย์ MSN ประเภทนี้ชอบออน MSN ผ่านมือถือ แต่พวกเขาเหล่านี้จะไม่ Chat หรือยินดีอยากให้มีคนทักมาหาเลย เพราะเวลาเปิดดูข้อความ/ส่ง MSN ผ่านมือถือมันต้องเสียตังค์..... อีกเหตุผลนึงก็คือในมือถือมันพิมพ์ยาก+มันไม่แสดงผลช ื่อเป็นสีหรือตัวหนาบางทำให้ชื่อคนที่ส่งข้อความมานั ้นยาวเหยียด.....ก็มันไม่มี MSN Plus นี่นา

ประเภทที่ 6 :

ออน 24 ชม.พวกเค้าคือมนุษย์ MSN อย่างแท้จริงหากพวกเค้ายังมีชีวิต หากพวกเค้าต่อเน็ท จะต้องออน MSN เสมือนว่าชั้นยังมีตัวตนชั้นยังไม่หายไปไหน เมื่อคุณออน MSN ทุกครั้งคุณจะเห็นพวกเขาเหล่านี้ Online อยู่ใน List คุณเสมอๆจนน่ากลัว....ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย ค่ำ จนถึงตี 4 ตี 5 ยันเช้าเลยก็มิปาณ แต่พวกเขาจะอยู่หน้าคอมรึเปล่าก็อีกเรื่องนึง

ประเภทที่ 7 :

Busy ทั้งชาติประเภทนี้จะต่างกับ Away ก็ตรงที่พวกเค้าอาจจะทำอะไรที่เป็น Full Screen อยู่ซึ่งระบบจะขึ้น Busy ให้อัตโนมัติ (ถ้าตั้งค่าเอาไว้) ทักหาพวกเขาไปก็จะไม่ตอบกลับรึอาจจะตอบกลับมาว่า"ไม่ว่างเล่นเกมอยู่" ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักๆของมนุษย์ MSN ประเภทนี้

ประเภทที่ 8 :

สบถ/บ่น อย่างเดียวเหมือนกับชื่อประเภทที่กล่าวมาคือมนุษย์ MSN ประเภทนี้จะตั้งชื่อ MSN ไว้ระบายความเครียดบ่นรึสบถเพียงอย่างเดียว แล้วออนให้ชาวบ้านเห็นซึ่งเวลาที่เห็นชื่อมนุษย์ประเ ภทนี้ใน List รายชื่อจะชวนให้รู้สึกแย่/รำคาญ ได้ไม่มากก็น้อย และถ้าหากทักไปขณะที่พวกเขาใช้ชื่อแบบนี้อยู่ คุณอาจจะโดนพวกเค้าสบถ/บ่นกลับมอย่างทันควัน เพราะขณะนั้นพวกเค้าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

ประเภทที่ 9 :

Chat กระจาย คีย์บอร์ดกระเด็น MSN ค้างประเภทนี้เมื่อพวกเขาเข้า M สิ่งที่จะต้องทำคือทักทุกคนที่ขวางหน้าและ Chat อย่างเมามันส์ ในรายชื่อ MSN ของมนุษย์ประเภทนี้จะมีรายชื่อที่ Add ไว้เยอะมากมายไม่ต่ำกว่า 100 รายชื่อ บ้างก็อาจจะมากถึงหลายร้อยเลยทีเดียว ที่มีมากมายขนาดนี้เพราะพวกเค้าพยายามที่จะหาคนคุยด้ วยอยู่ตลอดเวลา

ประเภทที่ 10 :

หน้าม่อ/หูดำ/หน้าเป็นอลูมิเนียมประเภทนี้จะเป็นเฉพาะผู้ชายซะส่วนใหญ่และพวกนี้จะไม่ ต่างจากประเภทที่ 9 เท่าไหร่นัก ต่างกันตรงที่ แทนที่พวกเขาจะ Chat แต่กลับเป็นม่อแทน พวกนี้จะหมายหา Mail ของผู้ ญ เท่านั้น ในรายชื่อพวกเค้าแทบจะไม่มีผู้ชายเลย ซึ่งเมื่อทักไปหาคนพวกนี้แล้วถามว่าได้ Mail มายังไง พวกเค้าก็มักจะตอบว่า"ได้มาจากใน Exteen กั๊บ" , "ในบอร์ดกั๊บ" , "เพื่อนให้มากั๊บ" ซึ่งชะตากรรมพวกนี้จะจบลงด้วย"Block and Delete"

ประเภทที่ 11 :

Infecter !!! (ตัวแพร่เชื้อโรค)ประเภทนี้อันตรายกว่าประเภทที่ 10 มาก เพราะพวกเค้าเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นพวกใช้คอมฯไม่เป็น รึไม่ก็เสพติดการเปิดเว็ปโป๊ จนทำให้ Spyware และ Virus หมักหมมอยู่ในตัวเครื่องจนมันแพร่ออกมาทาง MSN ของพวกเค้าคอยส่งความรำคาญให้ชาวบ้านแบบสุดๆ ชะตากรรมไม่ได้ต่างไปจากประเภทที่ 10 คือ "Block and Delete"

ประเภทที่ 12 :

ปัญญาอ่อนในโลก Cyber (Cyber Syndrome)ประเภทนี้เป็นประเภทที่สื่อสารได้ยากมากที่สุด พวกเค้าเหล่านี้ไม่มีความสามารถในการเขียนหรือพิมพ์แ ต่อย่างใดใน MSN หรือในโลกของจอมอนิเตอร์เลยเสมือนบุคคลพิการทางสมองก ็มิปาน ถามไปก็ตอบไม่เป็นศัพท์ ไม่ได้ความ คนละเรื่อง จนต้องใช้วิธีโทรศัพท์ไปคุยแทน แต่จริงๆแล้วก็เป็นคนปกตินี่แหละ ?

ประเภทที่ 13 :

นักปราชญ์ถ้าได้อ่านชื่อ MSN ของคนประเภทนี้คุณจะตรัสรู้เป็นพระอรหันต์เลยก็มิปาณ เพราะชื่อ MSN ของพวกเค้าเหล่านี้จะเป็นปรัญญาหรือคำคม คติธรรม อุดมการณ์ไปซะหมด

ประเภทที่ 14 :

มือใหม่หัดเล่น MSNก็อย่างที่ชื่อบอกพวกเค้าจะทำอะไรไม่ค่อยเป็นไม่ว่าจ ะส่งไฟล์ แชร์ไฟล์ แชร์ไวท์บอร์ด เปิดเว็ปแคมฯลฯ เพราะพวกเค้าส่วนมากจะไม่ใช่คนที่เล่นคอมฯเป็นชีวิตห รือเป็นคนที่พึ่งหัดเล่นคอมฯ จึงไม่ค่อยเข้าใจการพูดจาหรือสังคมในเน็ทมากนัก แล้วที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือพวกเค้าเหล่านี้ยังไม่มีสั มมาคาราวะเท่าที่ควร เพราะพวกเค้าส่วนมากคิดว่าการที่เค้าพิมพ์ผ่านจอมอนิ เตอร์กับการพูดคุยกันในโลกของความจริงมันต่างกันจึงพ ูดจาไม่ค่อยมีมารยาทนัก เช่น รู้ว่าคุยกับรุ่นพี่ก็ยังพูด "เออ" , "รู้แล้ว" พูดจาไม่มีหางเสียงเป็นต้น

ประเภทที่ 15 :

เกรียนประเภทสุดท้ายนี้ไม่อยากจะให้คำจำกัดความให้ปวดหัวเพ ราะทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว.....ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสิ่งมี ชีวิตประเภทนี้ได้ Mail ของพวกเราชาวมนุษย์ไป Add ได้อย่างไร.....คุณเป็นประเภทไหนกันล่ะ...อิอิ***โปรแกรมรับส่งข้อความสนทนาหรือ IM อย่าง MSN นั้นกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตคนไอทีกลุ่มหนึ่ง เพียงมีอีเมลแอดเดรส คุณก็สามารถส่งข้อความแบบทันใจให้เพื่อนที่คุณมีอีเม ลแอดเดรสอยู่ได้เลย คุณและเพื่อนสามารถส่งข้อความคุยกันแบบโต้ตอบทันที หรือสามารถส่งไฟล์ภาพหรือเอกสารให้กันและกันโดยไม่ต้ องใช้อีเมล โดยผู้ใช้ MSN ทุกคนสามารถตั้งชื่อที่คุณต้องการให้คนอื่นเห็นได้ตา มชอบใจ บางคนตั้งชื่อยาวเหยียดเป็นคติธรรมคำสอนที่โดนใจ ขณะที่บางคนตั้งชื่อเพื่อระบายความในใจขณะนั้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถตั้งสถานะได้ว่ากำลังยุ่งอย ู่ (Busy) หรือตั้งเวลาให้ปรากฏสถานะไม่อยู่ (Away) ได้ ซึ่งมนุษย์ MSN 15 ประเภทนี้แบ่งตามลักษณะการตั้งชื่อ การตั้งสถานะ และการใช้งานโปรแกรม MSNผมมองว่าคนเขียนฟอร์เวิร์ดเมล์นี้ช่างคิดช่างเขียนดี ซึ่งถ้า 15 ประเภทนี้ยังไม่หนำใจคุณ ผมขอเชิญเพิ่มประเภทมนุษย์ MSN ตามสบายเลย

ส่วนเรา ขอเพิ่มประเภทที่ 16 มนุษย์ชื่อเดียว คือผ่านไปนานเท่าไหร่ พี่แกก็ยังใช้อยู่ชื่อเดียวทั้งปีไม่มีเปลี่ยน

01 มิถุนายน 2552

วิธีทำ banner link ฟรีง่าย ๆ

banner link คือ โฆษณารูปภาพบนเว็ปมีขนาดต่าง ๆ โดยเมื่อ clik เข้าไปจะ linkไปยังเว๊ปของเจ้าของสินค้านั้น ๆ
ตัวอย่าง
pretty
ขั้นตอนการทำ banner link
1. เข้าเว็ป http://www.mybannermaker.com/
2. เลือกขนาด banner link ที่ต้องการ เช่น (475x70) , (475x200) , (468x60)
3. เลือก background โดยโหลดรูปมาจากในคอมพิวเตอร์ของเราก็ได้ตามใจชอบ
4. เขียนคำโฆษณาที่จะให้ปรากฎบน banner link เช่น mylife-goodday เช่นมีแบบตัวอักษรให้เลือกมากมาย
5. เลือกเส้นขอบจะมีหรือไม่มีก็ได้ตามใจชอบ
6. เลือก effects ให้มีการกระพริบเพื่อให้ดูโดดเด่นน่าสนใจ
7. click save
'Create